เรื่องเล่าของคนโง่ทึ่ม กลายเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก...
"เบ็น คาร์สัน" เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1951แม่ของเขาเป็นคนใช้ที่มีฐานะยากจน เธอตกใจที่รู้ว่าลูกของเธอเป็นเด็กที่แย่ที่สุดและโง่ที่สุดของห้อง..
เธอจึงตัดสินใจให้ลูกชายที่โง่ทึ่มของเธอไปยืมหนังสือสองเล่มทุกสัปดาห์จากห้องสมุดในตำบลและมาเขียนสรุปเป็นรายงานสองฉบับจากหนังสือนั้น
เธอแสดงให้ลูกชายของเธอเห็นว่าเธอกำลังจะแก้ปัญหาลูกชายและลูกชายของเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องทำเช่นนั้น หาไม่แล้วเขาจะไม่ได้ดูทีวี ถูกหักเงินค่าขนมและห้ามเล่นกับเพื่อน ๆ
"คาร์สัน"ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมจากนักเรียนที่แย่ที่สุดของห้องไปสู่นักเรียนที่เก่งที่สุดของห้อง! "คาร์สัน"ชอบเกี่ยวกับสัตววิทยาและธรณีวิทยา เขาเคยอ่านหนังสือในห้องสมุดและนำไปประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่เขาอาศัยอยู่ระหว่างทางรถไฟ..
"เบ็น คาร์สัน" เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1951แม่ของเขาเป็นคนใช้ที่มีฐานะยากจน เธอตกใจที่รู้ว่าลูกของเธอเป็นเด็กที่แย่ที่สุดและโง่ที่สุดของห้อง..
เธอจึงตัดสินใจให้ลูกชายที่โง่ทึ่มของเธอไปยืมหนังสือสองเล่มทุกสัปดาห์จากห้องสมุดในตำบลและมาเขียนสรุปเป็นรายงานสองฉบับจากหนังสือนั้น
เธอแสดงให้ลูกชายของเธอเห็นว่าเธอกำลังจะแก้ปัญหาลูกชายและลูกชายของเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องทำเช่นนั้น หาไม่แล้วเขาจะไม่ได้ดูทีวี ถูกหักเงินค่าขนมและห้ามเล่นกับเพื่อน ๆ
"คาร์สัน"ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมจากนักเรียนที่แย่ที่สุดของห้องไปสู่นักเรียนที่เก่งที่สุดของห้อง! "คาร์สัน"ชอบเกี่ยวกับสัตววิทยาและธรณีวิทยา เขาเคยอ่านหนังสือในห้องสมุดและนำไปประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่เขาอาศัยอยู่ระหว่างทางรถไฟ..
## วันหนึ่งอาจารย์ธรณีวิทยาเข้ามาในชั้นเรียน พร้อมกับหินก้อนหนึ่งถือมาในมือ อาจารย์ถามว่าใครรู้จักชื่อหินก้อนนี้บ้าง ! แน่นอนว่าเด็กชาย "คาร์สัน"รอนักเรียนที่ฉลาดของห้องลุกขึ้นตอบ แต่ไม่มีใครตอบคำถามเลยสักคนและเขารอให้คนอื่น ๆ ในชั้นเรียนตอบทุกคน แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามได้เลย ...ทันใดนั้นนักเรียนที่ดูโง่ที่สุดของห้องก็ยกมือขึ้นเพื่อจะตอบคำถามของอาจารย์
ถึงตอนนั้น นักเรียนในห้องต่างระเบิดเสียงหัวเราะและมองเขาอย่างตัวประหลาดในท่าทีของคาร์สันซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความโง่ทึ่มและสอบตกในทุกวิชา ...
หลังจากนั้น"คาร์สัน" ตอบคำถามอย่างสมบูรณ์พร้อมคำอธิบายที่สมบูรณ์เกี่ยวกับหินภูเขาไฟที่อยู่ในมือของอาจารย์และเขายังอธิบายวิธีการที่เกิดขึ้นมาจากการปะทะกันระหว่างลาวาเหลวกับน้ำที่เย็นจัด...ฯ!
ถึงตรงนี้..นักเรียนในชั้นต่างรอคอยคำเฉลยจากอาจารย์อย่างกระตือรือร้นว่าคำตอบของ"คาร์สัน"ถูกหรือผิด ถ้าเขาตอบถูก พวกเขาต้องตลึง ถ้าเขาตอบผิด พวกเขาจะระเบิดเสียงหัวเราะใส่ "คาร์สัน" ตามเคย ...
ทันใดนั้น อาจารย์ก็กล่าวอย่างน่าทึ่งว่า "คาร์สันตอบดีมาก คำตอบนั้นถูกต้อง"
จากตรงนี้คาร์สันรู้สึกว่าเหตุผลเบื้องหลังที่เขาสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ระดับแนวหน้าจากนักเรียนที่ต่ำสุดของห้องและสร้างความตื่นเต้นให้กับคนอื่นๆ..
นี่คือวิธีการที่แม่ของเขาที่ยอมปลีกตัวจากเพื่อนร่วมงานและทุ่มเทปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกชายของเธอ และในขณะนั้น "คาร์สัน" ตัดสินใจอ่านหนังสืออย่างเอาจริงเอาจังและเริ่มอ่านตำราต่างๆกระทั่งเขาไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปแม้เพียงนาทีเดียวโดยไม่ได้ศึกษาอะไรเลย.....
ระดับการเรียนของเขาเพิ่มขึ้นเป็นที่หนึ่งในนักเรียนแถวหน้า กระทั่งกลุ่มนักเรียนแถวหน้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ!
นี่คือสิ่งที่ "คาร์สัน" ตระหนักดีว่าทุกคนมีพรสวรรค์แต่พวกเขาต้องค้นให้เจอและพัฒนามันอย่างต่อเนื่อง..หลังจากนั้น ... คาร์สันจบมัธยมปลายและเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและได้รับปริญญาตรีทางด้านจิตวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในรัฐมิชิแกน เพื่อย้ายจากสาขาจิตวิทยาเพื่อไปศึกษาสาขาศัลยกรรมเส้นประสาท
เมื่ออายุ 32 ปี"เบ็นคาร์สัน"เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเมือง"บัลติมอร์" ในฐานะกุมารแพทย์ ซึ่งเขาเป็นหมอคนแรกที่ผ่าตัดแยกฝาแฝดสยามที่มีกะโหลกติดกันได้สำเร็จ และเขาเขียนตำราทางการแพทย์มากกว่า 90 เล่ม
เบ็นคาร์สันได้รับการยกย่องว่าเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในโลกและเป็นผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมประสาท ณ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์
ในขณะที่เขาทำการผ่าตัดหลายร้อยเคสแต่ละปีในบริเวณที่บอบบางและซับซ้อนที่สุดของร่างกายมนุษย์ เช่นสมอง กระดูกสันหลังและระบบประสาท
มีการยอมรับถึงอัจฉริยะของคาร์สัน อย่างกว้างขวางพร้อมเสนอเป็นภาพยนต์เรื่อง "สองมือที่สร้าง" บอกเรื่องราวของ"คาร์สัน" ในปี 2008 เกี่ยวกับชีวิตที่ยอดเยี่ยมและความสำเร็จของเขา
ต้องขอบคุณอัจฉริยะภาพแม่ของเขาที่ตระหนักว่า การอ่านเป็นวิธีที่ทำให้ลูกชายของเธอจะ
ฟื้นความสามารถและบรรลุความสำเร็จได้ในชีวิตของเขา
สิ่งที่น่าสนใจก็คือแม่ของ เบ็น คาร์สัน เธอไม่รู้หนังสือ เธออ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้💓
ถึงตอนนั้น นักเรียนในห้องต่างระเบิดเสียงหัวเราะและมองเขาอย่างตัวประหลาดในท่าทีของคาร์สันซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความโง่ทึ่มและสอบตกในทุกวิชา ...
หลังจากนั้น"คาร์สัน" ตอบคำถามอย่างสมบูรณ์พร้อมคำอธิบายที่สมบูรณ์เกี่ยวกับหินภูเขาไฟที่อยู่ในมือของอาจารย์และเขายังอธิบายวิธีการที่เกิดขึ้นมาจากการปะทะกันระหว่างลาวาเหลวกับน้ำที่เย็นจัด...ฯ!
ถึงตรงนี้..นักเรียนในชั้นต่างรอคอยคำเฉลยจากอาจารย์อย่างกระตือรือร้นว่าคำตอบของ"คาร์สัน"ถูกหรือผิด ถ้าเขาตอบถูก พวกเขาต้องตลึง ถ้าเขาตอบผิด พวกเขาจะระเบิดเสียงหัวเราะใส่ "คาร์สัน" ตามเคย ...
ทันใดนั้น อาจารย์ก็กล่าวอย่างน่าทึ่งว่า "คาร์สันตอบดีมาก คำตอบนั้นถูกต้อง"
จากตรงนี้คาร์สันรู้สึกว่าเหตุผลเบื้องหลังที่เขาสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ระดับแนวหน้าจากนักเรียนที่ต่ำสุดของห้องและสร้างความตื่นเต้นให้กับคนอื่นๆ..
นี่คือวิธีการที่แม่ของเขาที่ยอมปลีกตัวจากเพื่อนร่วมงานและทุ่มเทปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกชายของเธอ และในขณะนั้น "คาร์สัน" ตัดสินใจอ่านหนังสืออย่างเอาจริงเอาจังและเริ่มอ่านตำราต่างๆกระทั่งเขาไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปแม้เพียงนาทีเดียวโดยไม่ได้ศึกษาอะไรเลย.....
ระดับการเรียนของเขาเพิ่มขึ้นเป็นที่หนึ่งในนักเรียนแถวหน้า กระทั่งกลุ่มนักเรียนแถวหน้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ!
นี่คือสิ่งที่ "คาร์สัน" ตระหนักดีว่าทุกคนมีพรสวรรค์แต่พวกเขาต้องค้นให้เจอและพัฒนามันอย่างต่อเนื่อง..หลังจากนั้น ... คาร์สันจบมัธยมปลายและเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและได้รับปริญญาตรีทางด้านจิตวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในรัฐมิชิแกน เพื่อย้ายจากสาขาจิตวิทยาเพื่อไปศึกษาสาขาศัลยกรรมเส้นประสาท
เมื่ออายุ 32 ปี"เบ็นคาร์สัน"เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเมือง"บัลติมอร์" ในฐานะกุมารแพทย์ ซึ่งเขาเป็นหมอคนแรกที่ผ่าตัดแยกฝาแฝดสยามที่มีกะโหลกติดกันได้สำเร็จ และเขาเขียนตำราทางการแพทย์มากกว่า 90 เล่ม
เบ็นคาร์สันได้รับการยกย่องว่าเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในโลกและเป็นผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมประสาท ณ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์
ในขณะที่เขาทำการผ่าตัดหลายร้อยเคสแต่ละปีในบริเวณที่บอบบางและซับซ้อนที่สุดของร่างกายมนุษย์ เช่นสมอง กระดูกสันหลังและระบบประสาท
มีการยอมรับถึงอัจฉริยะของคาร์สัน อย่างกว้างขวางพร้อมเสนอเป็นภาพยนต์เรื่อง "สองมือที่สร้าง" บอกเรื่องราวของ"คาร์สัน" ในปี 2008 เกี่ยวกับชีวิตที่ยอดเยี่ยมและความสำเร็จของเขา
ต้องขอบคุณอัจฉริยะภาพแม่ของเขาที่ตระหนักว่า การอ่านเป็นวิธีที่ทำให้ลูกชายของเธอจะ
ฟื้นความสามารถและบรรลุความสำเร็จได้ในชีวิตของเขา
สิ่งที่น่าสนใจก็คือแม่ของ เบ็น คาร์สัน เธอไม่รู้หนังสือ เธออ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้💓
@เครดิตพี่น้องท่านหนึ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น