ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2020

เบ็น คาร์สัน แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ จากการอ่าน

เรื่องเล่าของคนโง่ทึ่ม กลายเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก... "เบ็น คาร์สัน" เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1951แม่ของเขาเป็นคนใ ช้ที่มีฐานะยากจน เธอตกใจที่รู้ว่าลูกของเธอเป็นเด็กที่แย่ที่สุดและโง่ที่สุดของห้อง.. เธอจึงตัดสินใจให้ลูกชายที่โง่ทึ่มของเธอไปยืมหนังสือสองเล่มทุกสัปดาห์จากห้องสมุดในตำบลและมาเขียนสรุปเป็นรายงานสองฉบับจากหนังสือนั้น เธอแสดงให้ลูกชายของเธอเห็นว่าเธอกำลังจะแก้ปัญหาลูกชายและลูกชายของเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องทำเช่นนั้น หาไม่แล้วเขาจะไม่ได้ดูทีวี ถูกหักเงินค่าขนมและห้ามเล่นกับเพื่อน ๆ "คาร์สัน"ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมจากนักเรียนที่แย่ที่สุดของห้องไปสู่นักเรียนที่เก่งที่สุดของห้อง! "คาร์สัน"ชอบเกี่ยวกับสัตววิทยาและธรณีวิทยา เขาเคยอ่านหนังสือในห้องสมุดและนำไปประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่เขาอาศัยอยู่ระหว่างทางรถไฟ.. ## วันหนึ่งอาจารย์ธรณีวิทยาเข้ามาในชั้นเรียน พร้อมกับหินก้อนหนึ่งถือมาในมือ อาจารย์ถามว่าใครรู้จักชื่อหินก้อนนี้บ้าง ! แน่นอนว่าเด็กชาย "คาร์สัน"รอนักเรียนที่ฉลาดของห้องลุกขึ้นตอบ แต่ไม่มีใคร

การรอคอยของ อัง ลี

วินทร์ เลียววาริณ 23 มิถุนายน 2016  ·  อัง ลี เป็น 'แม่บ้าน' นานหกปี ตลอดหกปีนั้นเขาเลี้ยงลูก ดูแลบ้าน ทำอาหารแทนภรรยา เป็นหกปีที่เขาพยายามหางานที่เขารัก เป็นหกปีที่ภรรยาของเขาเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว  เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าละอายตามธรรมเนียมจีน แต่ภรรยาของเขาเข้าใจและยืนยันให้เขาทำในสิ่งที่รัก คือภาพยนตร์ อัง ลี เกิดที่จังหวัดเกษตรกรรมทางภาคใต้ของไต้หวัน ครอบครัวของเขามุ่งเน้นการศึกษาและขนบธรรมเนียมจีนเก่า พ่อแม่อพยพมาจากเมืองจีนหลังจากคอมมิวนิสต์ยึดแผ่นดินจีนสำเร็จในปี พ.ศ. 2492 เขาเรียนในโรงเรียนที่พ่อเป็นครูใหญ่ ดังนั้นจึงถูกคาดหวังให้เรียนดีเพื่อที่จะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ตรงข้ามเขากลับสอบตกสองหน เขาหันเหไปเข้าวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติ เมื่อเขาสอบเข้าไปเรียนศิลปะภาพยนตร์นั้น เขาไม่ได้รับคำชื่นชมจากพ่อเลยแม้แต่น้อย เพราะค่านิยมของชาวจีนรุ่นเก่า การเต้นกินรำกินเป็นสิ่งต่ำต้อยอย่างยิ่ง หลังจากจบการศึกษาที่ไต้หวัน เขาไปเรียนต่อที่อเมริกา ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เขาเป็นผู้ช่วยเพื่อนนักศึกษา สไปค์ ลี ทำหนังวิทยานิพนธ์ ภาพยนตร์วิทยานิพนธ์ของเขาเองก็ได้รับรางวัลหล

รายได้หายวับในพริบตาเดียว ในฐานะซีอีโอ จะแก้ปัญหาอย่างไร

Workpoint News 5 ชม.  ·  ถ้าธุรกิจที่มีกำไรวันละหลายล้านบาท รายได้หายวับในพริบตาเดียว ในฐานะซีอีโอ จะแก้ปัญหาอย่างไร จะเลือกลดพนักงานทันทีเพื่อตัดรายจ่ายไหม หรือจะลองหาวิธีวางแผนด้วยกลยุทธ์อื่นเพื่อแก้สถานการณ์ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นกับ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในช่วงโควิด-19 ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบหมด แต่หลังจากยอดผู้ติดเชื้อลดลง สถานการณ์ก็ค่อยๆ เริ่มคลี่คลาย ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศต่างๆ กลับมาเปิดบริการตามปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงต้องเจ็บตัวอยู่ ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีคำสั่งให้ปิดโรงแรมชั่วคราว และในเวลาต่อมา แม้โรงแรมจะเปิดบริการแล้ว แต่ความรู้สึกของประชาชนในประเทศก็ยังหลีกเลี่ยงการเดินทางอยู่ เพราะมีความหวั่นใจในเรื่องไวรัส ไม่มีอะไรการันตีว่าโรงแรมที่พักจะรักษาความสะอาดมากแค่ไหน ส่วนรายได้ก้อนใหญ่ของธุรกิจโรงแรมที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็กลายเป็นศูนย์ เช่นกัน เพราะประเทศไทยยัง

สีจิ้นผิง 习近平

การเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่เพียงแต่ผู้นำจะทำหน้าที่แค่ผู้นำ เพราะการคุมคนจำนวนมากให้อยู่ในกฏระเบียบได้ต้องอาศ ัย "ความสารถหลายด้าน" และ "การมองการณ์ไกล" ------------------------------------------------------------------------ สีจิ้นผิง 习近平 ผู้ที่ไม่เลือกทำงานบน "เส้นสายของพ่อ" แต่เลือกไปเป็นแค่เจ้าหน้าที่ทำงานระดับเล็กๆ ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญในเหอเป่ยพร้อมกับคำพูดที่บอกว่า "เอ็งไม่ต้องห่วงข้าหรอก สักวันข้าจะกลับมา" . . และแล้วสีจิ้นผิงก็กลับมาใหญ่ด้วยลำแข้งของตัวเอง เติบโตในหน้าที่การงานจนมาเป็น "ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์" . . ถ้ามองให้ดี สีจิ้นผิงเริ่มทำ "การตลาด" ให้กับตัวเองในเรื่องของ story telling ที่สามารถครองใจคนระดับรากหญ้าได้อย่างล้นหลาม (ตอนนั้นคนจีนค่อนข้างยากจน) . . หลังจากขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด สีจิ้งผิงได้กำจัดคู่แข่งคือพรรคการเมืองเก่าอย่างเจียงเจ๋อหมินและหูจิ่นเทา ด้วยการดำเนินการปราบคอรัปชั่น นอกจากกำจัดคู่แข่งแล้วยังได้ใจจากประชาชนไปอีกด้วย . . ใช้อำนาจคุมที่คุมสื่ออยู่ในมือให้เกิดประโยชน์ ทำ markting ที่ต่าง