ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไทเกอร์ วู้ดส์ & Nike

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 1996 ไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) เริ่มเทิร์นโปรเป็นครั้งเเรก (การเล่นกอล์ฟอาชีพ) เเละเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เข้ามาพลิกวงการกีฬากอล์ฟคนนี้

ในเดือนเมษายนปี 1997 ไทเกอร์ วูดส์ สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์รายการแรกในรายการเดอะมาสเตอร์ได้สำเร็จ โดยทำลายสถิติสนามด้วยการชนะรายการการแข่งขันที่ 12 อันเดอร์พาร์ จนได้ก้าวขึ้นเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกในเดือนมิถุนายนปีนั้น
นับตั้งเเต่นั้นมา ไทเกอร์ วูดส์ ก็ไล่ล่ากวาดเเชมป์ในระดับเมเจอร์ได้มากมายถึง 14 สมัย ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี เขาเเทบไม่เคยที่จะหลุดออกจากมือวางอันดับหนึ่งเลย
เเต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปี 2008 ไทเกอร์ วูดส์ ก็ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตรุมเร้าอย่างหนัก เขามีข่าวฉาวออกมาเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว เรื่องอาการติดเซ็กส์ เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวจนโดนภรรยาฟ้องหย่าจนต้องเสียเงินสินสมรสถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เเละที่เป็นเรื่องร้ายเเรงที่สุดในสังคมอเมริกันก็คือ เขาถูกตำรวจจับในข้อหาเมาเเล้วขับ
ต้องบอกว่าช่วงเวลานั้นภาพของ ไทเกอร์ วูดส์ แปดเปื้อนไปหมด มิหนําซ้ำยังมาโดนอาการบาดเจ็บรบกวนอีกต่างหาก ชีวิตของ ไทเกอร์ วูดส์ ในตอนนั้นเเทบมองไม่เห็นอนาคตเลย
เเละนั่นก็เป็นสาเหตุให้ในปี 2008 บริษัท 10 กว่าเจ้าที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับ ไทเกอร์ วูดส์ ได้ถอนตัวออกจากการเป็นสปอนเซอร์หมดทุกคน !
เหลือเพียงคนเดียว... นั่นก็คือ “Nike”
เเละ Nike ก็ยังบอก ไทเกอร์ วูดส์ อีกว่า “เราเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณต้องกลับมา”
อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมที่ ไทเกอร์ วูดส์ ต้องเผชิญนั้นได้ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นกอล์ฟที่ย่ำแย่ของเขาอย่างมาก
เพราะไม่น่าเชื่อว่า นักกอล์ฟที่ยึดตำเเหน่งมือวางอันดับ 1 ได้ยาวนานอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ จะทำอันดับหลุดร่วงไปได้ถึงอันดับ 1,199
ตลอดระยะเวลา 11 ปี Nike ต้องเสียเงินให้เขาถึงปีละ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เเต่ Nike ก็ยังยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างเพื่อรอวันที่ ไทเกอร์ วูดส์ จะกลับมาอีกครั้ง
จนกระทั่งในปี 2019 ไทเกอร์ วู้ดส์ ก็ได้สร้างปาฏิหารย์ให้กับวงการกีฬาอีกครั้ง ด้วยการกลับมาคว้าแชมป์ The Master ซึ่งเป็นการเเข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ที่สุดในโลกด้วยวัย 43 ปี
ในจังหวะที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ พัตต์กอล์ฟลงหลุมสุดท้ายได้นั้น ทำเอาคนดูที่ส่งเสียงเชียร์ถึงกับร้องให้ออกมาตามๆ กันเลยทีเดียว
ในวันนั้นนอกจากชัยชนะของ ไทเกอร์ วู้ดส์ เเล้ว ความสำเร็จในครั้งนั้นยังเป็นชัยชนะสำหรับ Nike ผู้ซึ่งเป็นสปอนเซอร์เดียวของ ไทเกอร์ วูดส์ ที่เหลืออยู่ตลอด 11 ปี
เเละในจังหวะนั้นเอง มาร์ก พาร์กเกอร์ (Mark Parker) CEO ของ Nike ในขณะนั้น ได้คิดคอนเซ็ปต์โฆษณาในหัวเอาไว้เเล้ว เพราะเขาได้ตามดูฟอร์มของ ไทเกอร์ วูดส์ ตั้งเเต่ 2 วันเเรก เเละเห็นว่ามีโอกาสสูงมาก ที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ จะกลับมาคว้าเเชมป์อีกครั้งในรอบ 11 ปี
ทันทีที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ เเข่งจบ เขาก็ไปรวบรวมคลิปที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ เคยคว้าเเชมป์เก่าๆ มา เรียงต่อกันเเล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องของไทเกอร์ วู้ดส์ โดยย้อนอดีตตั้งแต่เหตุการณ์ที่เขาเพิ่งคว้าแชมป์หมาดๆ จนได้เเชมป์ถึง 14 เมเจอร์ในวัย 32 ปี จากนั้นก็หายไป 11 ปี ที่ต้องพบกับจุดต่ำสุดของชีวิต จนกระทั่งกลับมาตามคว้าเเชมป์เมเจอร์ที่ 15 ตามความฝันเดิม
แล้วจบลงด้วยภาพในวันที่เป็นจุดเริ่มต้นการเป็นนักกอล์ฟของ ไทเกอร์ วู้ดส์ ตอนเป็นเด็กน้อยวัย 3 ขวบที่อาจหาญพูดว่า “I’m gonna beat Jack Nicklaus.” หรือ ฉันจะเอาชนะ แจ็ค นิกคลอส (นักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในโลกขณะที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ ยังอายุ 3 ขวบ)
โฆษณาดังกล่าวทีมงานของ Nike ได้ทำออกมาเเบบลวกๆ ง่ายๆ เร็วๆ เเต่มันทรงพลังมาก เพราะนอกจากทำออกมาได้ถูกที่ถูกเวลาเเล้ว มันยังเล่นกับอารมณ์ของผู้คนในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี จนทำให้ยอดขายของ Nike ในตอนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลาย ทำเอาราคาหุ้นของ Nike เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ทันทีที่การแข่งขันจบลง
นั่นจึงเเสดงให้เห็นเเล้วว่า “เเบรนด์จะพูดถึงตัวเองยังไงก็ได้ในโฆษณา เเต่ Nike ไม่เคยพูดถึงตัวเองในโฆษณาเลย เพราะพวกเขาจะทำให้ดู”
Nike เป็นคนเดียวที่ยอมเสียเงินจ่ายให้ ไทเกอร์ วู้ดส์ ทุกปี ทั้งที่เเทบจะมองไม่เห็นอนาคต เพราะ Nike เเสดงให้เห็นถึงพลังเเห่งความเชื่อที่เขามีให้กับ ไทเกอร์ วู้ดส์ โดยไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร
มันจึงทำให้ลูกค้าของ Nike ไม่สนใจเช่นกันว่าเขากำลังซื้อสินค้าอะไร ราคาเท่าไหร่ เเต่พวกเขาซื้อ ”ความเชื่อ” ที่อยู่ใน DNA ของ Nike



ความเชื่อที่ว่า... “Just do it”



อ่านเรื่องราวเส้นทางของ Nike ตั้งเเต่เริ่มต้น จนวันที่กลายเป็นเเบรนด์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ได้ในหนังสือ Shoe Dog
เขียนโดย Phil knight ผู้ก่อตั้ง #Nike
• • •
ขอบคุณบทความดีดีนี้ด้วยครับ
@ทนายปีเตอร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค