ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ใครๆก็บินได้

ในภาพอาจจะมี 1 คน, แว่นกันแดด

กัปตันดัง โพสต์ความในใจ เมื่อนายกฯคนหนึ่ง ทำให้ใครๆก็บินได้ เปิดสายการบินต้นทุนต่ำ สาเหตุการบินไทยขาดทุน

.
กัปตันมนูญ เจริญลอย แห่งแอร์เอเชีย ผู้ที่เป็นคนขับเครื่องเที่ยวบินที่พาคนไทย 138 ชีวิตกลับจากอู่ฮั่นได้อย่างปลอดภัยเมื่อช่วงแรกๆที่มีการระบาดของ โควิด-19 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

.
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นกรณีที่รัฐจะมีมาตรการอุ้มการบินไทย หลังขาดทุนอย่างหนักในช่วงปีหลัง

.
โดยมีใจความดังนี้

"เรื่องเล่าที่เขาเล่ามา…ยาวหน่อย…ถ้าขี้เกียจไม่ต้องอ่านนะครับ อาจจะเครียดนิดๆ
จริงไม่จริงไม่รู้ ฟังหูไว้หูครับ…เมื่อสิบกว่าปีก่อน การบินของประเทศเรายังไม่เฟื่องฟู มีสายการบินเล็กๆ เกิดขึ้นบ้าง แต่ก็กระท่อนกระแท่น

.
นอกจากการบินไทย…ที่เราเรียกว่าสายการบินแห่งชาติแล้ว ที่ผมจำได้ก็มี ภูเก็ตแอร์ โอเรียนท์ อันดามัน และ บางกอกแอร์ ซึ่งถ้าไม่นับบางกอก บริษัทอื่นๆ ก็ล้มลุกคลุกคลาน นักบินส่วนใหญ่ถ้าไม่
ใช่นักบินต่างชาติ ก็เป็นนักบินของกองทัพต่างๆ ที่เอาเวลาว่างจากบินที่กองทัพมาแอบบินกับสายการบิน(ตอนหลังกองทัพสั่งห้ามเด็ดขาด ทำให้นักบินเหล่านั้นลาออก)

.
ก่อนเปิดน่านฟ้าเสรี…ในปี 45 ถ้าผมจำไม่ผิด สายการบินที่มีในไทย…ห้ามบินทับเส้นทางของการบินไทยเด็ดขาด…โดยเฉพาะเมืองหลักเช่นเชียงใหม่…ถ้าเราจะนั่งเครื่องบางกอก ต้องไปแวะสุโขทัย ถึง ไปเชียงใหม่ได้ เช่นเดียวกับสายอื่นๆ ต้องหาที่แวะ เพื่อหลีกเลี่ยงการบินทับสายการบินแห่งชาติ

แม้แต่เมืองรองที่การบินไทยไม่บิน แต่ถือสิทธิ์การบิน น่าน สกล นครพนม เหล่านี้ คนที่จะมาบินต้องบินในนามของการบินไทย หรือโค้ดแชร์ ถึงจะมีสิทธิ์บิน คำว่าผูกขาดน่านฟ้า…อย่างที่เขาพูดมันคือเรื่องจริง

แม้สายการบินอื่นบินแทน…แต่ราคาตั๋ว เขาต้องกำหนดเอง เพราะเขาสงวนสิทธิ์ที่จะกลับมาบินเมื่อไหร่ก็ได้…จะไปขายตั๋วถูกๆ แล้วเขาอยากกลับมาบิน จะมาขายแพงเขาก็โดนด่า …ผู้บริหารท่านหนึ่ง
ที่คลุกคลีกับการบินไทยบอกผ

.
ดังนั้น ด้วยค่าตั๋วที่สูงลิ่ว…เพราะการผูกขาด คนที่จะได้นั่งเครื่องบิน จะมีแค่คนรวย ดารา ข้าราชการเท่านั้น…การได้ขึ้นเครื่องบินสักครั้งในชีวิต…มันจึงเป็นความฝันของคนหลายคน…โดยเฉพาะคนรุ่นๆผม คนที่ทำงานกับเครื่องบิน…ทุกสายงานจึงถูกยกย่องจากสังคม…แอร์คือนางฟ้า นักบินคือเทวดา
ว่ากันว่า ความพราวของคนในบริษัทฯ พุ่งถึงขีดสุด ถึงขั้นประกาศว่า นักบินแอร์ไลน์ที่แท้จริง ในประเทศนี้ มีแค่การบินไทย…ที่เหลือไม่ใช่
.
ผมฟังแล้วก็เฉยๆนะ มันเรื่องของนักบินแอร์ไลน์ที่เขาจะข่มกัน ผมนักบินกองทัพ ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว…

.
แล้ว…มันก็เกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อมีนายกฯคนหนึ่ง ต้องการให้การบินไทย…เปิดโลวคอสต์ เพื่อดึงคนที่อยากเดินทางโดยเครื่องบิน แต่รายได้น้อย สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ แต่เท่าที่ผมตามข่าว…เหมือนผู้บริหารการบินไทยในสมัยนั้น ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ บอกว่าโลว์คอส ไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะคนไทยไม่เคยชิน

เขาเลยหันไปหามาเลเซีย…และตั้งสายการบินร่วมกันขึ้นมา…สายการบินหลายสาย ตั้งพันธมิตร เพื่อไม่ให้แอร์เอเชียตั้งไข่ได้…ผมรู้เพราะเพิ่งลาออกจากกองทัพ และได้มีส่วนรู้เห็น ผู้บริหารของทั้งสองสายการบิน ถึงขนาดจับมือกัน ขัดขวางทุกโปรโมชัน ผมให้สามปี…มันต้องล้ม ผู้บริหารท่านหนึ่งพูดในที่ประชุม

แต่ดูเหมือนแอร์เอเชีย เขาจะไม่สนใจอะไร สิ่งที่เขาทำคือ ทำให้คนที่อยากขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ได้สมหวัง ทั้งโปร 0 บาท ทั้งราคาต่ำ ซึ่งผมยังงง มันจะได้อะไรวะ มันคงจะล้มเหมือนผู้
บริหารท่านนั้นบอกนั่นแหละ แถมโดนรุมยำขนาดนี้ คงไม่เหลือ

.
การสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่เอง…ของแอร์เอเชีย เติบโตอย่าเข้มแข็ง คิดดูว่า ถ้าผมใช้เงิน 500 บาท ใช้เวลา 1 ชม ก็กลับบ้านได้ แถมพอถึงบ้าน คนแถวบ้านถามว่า มายังไง…นั่งเครื่องบินมาครับ(พร้อมยืด) เพราะอย่างที่บอก มันคือความฝันที่เอื้อมไม่ถึงของคนรายได้น้อย แต่ตอนนี้มันคือความจริง

.
การบินไทย ในระยะแรก ลดระดับลงไปสู้กับแอร์เอเอง แต่ติดที่แบรนด์ เลยต้องตั้งสายการบินลูกอิจฉา เพื่อมาสู้ (อันนี้ผมคิดเอง) แต่ด้วยลักษณะลูกคุณหนู ระยะแรก จึงต่อกรกับแอร์เอเชียไม่ได
แทบจอดป้ายตั้งแต่ปีแรกๆ เมื่อสุวรรณภูมิเปิด ทุกสายจึงถูกบังคับให้มาสุวรรณภูมิ ยกเว้นสายการบินลูกรักและโอเรียนท์ที่ยังอยู่……พร้อมกับทิ้งผู้โดยสารไว้ให้ ผลประกอบการทั้งสองสาย จึงดีขึ้นทันตาเห็น…

.
แต่คนที่เริ่มแย่ กลับเป็นสายการบินแห่งชาติ เพราะตามแผนพิฆาต เลยต้องมีบางส่วนบินจากดอนเมืองด้วย คือ ต้องเอาให้ตาย…แต่กลายเป็นตัวเอง ที่ต้องบินเครื่องเปล่าหมุนเวียนสองสนามบิน ขาดทุนย่อยยับ…ผมติดตามการฟาดฟันอย่างดุเดือด…ทั้งการใส่ร้าย การสร้างสถานการณ์ มีการปล่อยข่าวว่าเป็นสายการบินต่างชาติ ไม่ใช้นักบินไทยเลย…

แต่…สิ่งที่ผมเห็นกลับต่างกัน…แอร์เอเชีย ที่ผมมาเจอมีแค่นักบินฟิลิปปินส์คนเดียว ที่มาทำงานด้วยช่วงแรก…หมดสัญญาสามปีก็ไป กับครูมาเลที่มาช่วยตั้งบริษัทฯ ไม่กี่คนในช่วงแรก ที่เหลือเป็นนักบินที่ลาออกจากทหารตำรวจ เกิน 90% มีตั้งแต่ยศนายพล ลงมายันนายร้อย…ตรงกันข้ามกับสายการบินอื่น ที่มีนักบินต่างชาติเต็มบริษัทฯ

ผมไม่เคยเห็นพนักงาน หรือผู้บริหารสายการบินนี้ โจมตีคนอื่น…มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาบริษัทฯตัวเอง นั่นเป็นสาเหตุ ที่ผมตัดสินใจย้ายค่ายอย่างไม่ลังเล เมื่อเพื่อนโทรไปชวน แม้จะใช้เวลาเกือบปี ในการลาออกล่วงหน้าก็ตาม…

.
#แอร์เอเชีย ทำให้วงการการบินคึกคักอย่างรวดเร็ว…ทั้งวงการนักบิน ทั้งผู้โดยสาร…โรงเรียนการบิน รวมทั้งการเลือกเรียนคณะในระดับมหาวิทยาลัยด้วย นักบินที่ไม่เคยคิดจะลาออกจากกองทัพ …ก็ตัดสินใจลาออก จนกองทัพแทบแย่…ต้องเปลี่ยนกฎการใช้หนี้ การลาออกจากกองทัพหลายครั้ง

.
นักบินที่อยู่สายการบินเล็กๆ ต่างย้ายมาสู่รังใหม่แห่งนี้…แม้กระทั่ง จากสายการบินแห่งชาติก็ไม่เว้น…ความพราวของนักบินรุ่นใหม่ๆ.....เปลี่ยนไป การแย่งชิงนักบินเกิดขึ้นอย่างโจ่งแจ้ง…ตาต่อตา ฟัน
ต่อฟัน คำที่ว่า นักบินแอร์ไลน์ มีแค่นักบินการบินไทย กลายเป็นเรื่องตลก…

รวมทั้งการเดินทาง…พฤติกรรมการเดินทางของผู้คน…เวลาหนึ่งชั่วโมง ต้องจ่ายแพงทำไม…เงิน 5000 บาทที่เคยเป็นค่าตั๋วไปเชียงใหม่เที่ยวเดียว…มันสามารถเปลี่ยนเป็นตั๋วไปกลับ พร้อมโรงแรม มีกระเป๋า ก็จ่ายค่ากระเป๋า ไม่มีก็ไม่ต้อง ทำไมต้องจ่ายแบบเหมารวม…

เครื่องก็ใหม่กว่า…แอร์ก็สดใสกว่า เหตุนี้ โลว์คอส จึงเติบโตได้ ค่อนข้างมั่นคง คำว่า โลว์คอสคือ โลว์คลาส ไม่มีอีกแล้ว…โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก…ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีในอดีต ถูกทำลายด้วยสิ่งใหม่เสมอ…รวมทั้งคนสิ่งที่เคยแข็งแรง เพราะการผูกขาด เมื่อกฎกฏิกาเปลี่ยนไป…แล้วเราไม่ปรับตัว มันก็ไปต่อไม่ได้
.
เหมือนนักบอล…ที่ชอบพุ่งเอาจุดโทษ พอมี VAR มา มันจะเปลี่ยนเป็นใบเหลืองแทน…หลายคนคงทันตู้โทรศัพท์ ที่จะโทรที รอคิวแทบตาย เวลามีธุระด่วน แทบอยากกระชากคนที่ยืนบิดคุยกับแฟนอยู่ข้างในตอนนี้มันหายไปไหน…โทรศัพท์บ้านที่จะขอที ใช้เวลารอคิว 6 -7เดือน ค่าโทรเชียงใหม่…15 บาทต่อนาที…ตอนนี้ก็แทบไม่มีให้เห็น ทีวีที่แต่ก่อนแถวอีสาน…รับได้แค่ช่อง 7 กับ 11 ท้องถิ่น ละครช่อง 7 จึงฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง…ตอนนี้ ช่อง 7 เลขอะไร ผมยังไม่รู้เลย…

.
ต่อไปก็จะมีสิ่งใหม่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ…ถ้าเรายังยึดติดกับสิ่งเดิมๆ…ไม่ปรับตัว เราก็จะเดินตามหลัง ไม่ต้องโทษใคร หรืออะไร ที่ทำให้เราเป็นแบบนั้น…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค