ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

จุดพลุ"อี-มันนี่"โอนเงินข้ามค่าย ใช้เบอร์มือถือแทนบัญชีแบงก์


updated: 03 พ.ย. 2558 เวลา 20:40:35 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
3 มือถือจุดพลุ "อี-มันนี่" เชื่อมระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ นำร่องบริการ "โอนเงิน" ข้ามค่ายผ่านเบอร์มือถือ-ไม่ต้องพึ่งบัญชีแบงก์ ดีเดย์กลาง พ.ย.นี้ วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท สร้างมิติใหม่ปลอดภัย-ลูกค้าสะดวก ปูทาง cashless Society เกาะกระแสอีคอมเมิร์ซบูม

นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด ในเครือเอไอเอส เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) กับทางเพย์สบายของดีแทค และทรูมันนี่เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการโอนเงินระหว่างกันผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือจากเดิมที่แต่ละบริษัทจะโอนเงินได้เฉพาะกับลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในเครือข่ายของตนเองเท่านั้น เพิ่มความสะดวก และความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้มากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างวางแผนเปิดตัวพร้อมกัน คาดว่าเมื่อเปิดระบบให้โอนเงินข้ามกันได้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมาก เช่นกันกับในอดีตที่มีการเปิดระบบ SMS ข้ามค่ายทำให้การใช้งานเพิ่มขึ้นมโหฬาร

"ตอนนี้ต้องบอกว่าทั้งสามค่ายมีฟีเจอร์โอนเงินอยู่แล้ว แต่โอนข้ามค่ายไม่ได้ เหมือนสมัยก่อนที่บริการ SMS ส่งกันได้แค่ในค่ายใครค่ายมัน เราจึงกำลังจะสร้างมิติใหม่ให้ลูกค้าเอ็มเปย์โอนเงินให้ทรูมันนี่หรือดีแทคได้ เหมือนบัญชีแบงก์ที่มีสวิตชิ่งกลางเชื่อมกันทำให้โอนเงินข้ามธนาคารได้ ต่อไปเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ผมใช้เอ็มเปย์จ่ายไปก่อน เพื่อนที่ใช้ดีแทคก็โอนเงินจากเพย์สบายมาให้ผมได้ทันที จากประสบการณ์ในอดีต ตอน SMS ส่งข้ามค่ายได้ โลกเปลี่ยนทันที และอย่างที่บอกว่ามิติการเปิดในครั้งนี้จะทำให้การโอนเงินมีความน่าเชื่อถือขึ้นอีก ลูกค้าจะฟิลว่าเขาปลอดภัยจริง ในทางเทคนิค การโอนเงินโดยใช้เบอร์มือถือ ดีตรง 1.เมื่อเทียบกับบัญชีแบงก์คือ บัญชีแบงก์จำยากกว่า เบอร์มือถือจำง่ายหรือไม่ต้องจำเพราะเรียกดูจากโฟนบุ๊กได้ และมีความเป็นยูนีคทำให้โอกาสผิดไม่มี ถ้าเลือกโอนมาเบอร์นี้ก็เบอร์นี้"

สำหรับวงเงินที่จะเปิดให้โอนเงินระหว่างกันได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 10,000 บาท มีค่าธรรมเนียมการโอนด้วยแต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นเท่าใด เพราะอาจมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน แต่ปัจจุบันบริการโอนเงินในบริการของ "เอ็มเปย์" ภายในเครือข่ายเอไอเอส คิดค่าธรรมเนียมที่ 5 บาท/ครั้ง คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มแค่ไหน เพราะวัตถุประสงค์หลักคือเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ

ปัจจุบันเอ็มเปย์มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย ขณะที่ฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสมีอยู่กว่า 40 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้บริการเป็นประจำที่ 4-5 แสนราย โดยปกติยอดการโอนเงินต่อเดือนจะอยู่ที่หลักแสนทรานแซ็กชั่น เทียบกับการจ่ายเงิน (เพย์เมนต์) ยังถือว่าน้อยมาก เพราะเพย์เมนต์จะอยู่ที่ 40-50 ล้านครั้ง ซึ่งการใช้งานอันดับหนึ่ง คือเติมเงินมือถือพรีเพด และจ่ายบิลโพสต์เพด มีสัดส่วนสัก 60% อันดับ 2 คือบิลเพย์เมนต์ หรือการจ่ายค่าบริการต่าง ๆ อันดับ 3 เติมเงินออนไลน์เกม และอันดับ 4 ด้านอีคอมเมิร์ซ

"กลุ่มแรกสัดส่วนจะตามฐานลูกค้าเอไอเอส แต่ที่คิดว่าจะโตมากคืออีคอมเมิร์ซ เราจึงมีความพยายามที่จะมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้เข้าตลาดอีคอมเมิร์ซได้ง่ายขึ้น และการโอนเงินก็เป็นส่วนหนึ่ง"

นายสุปรีชากล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ค่ายมือถือต่าง ๆ มีความร่วมมือกันในหลายเรื่องภายใต้ชมรมอีเพย์เมนต์ ซึ่งผู้ที่เป็นสมาชิกจะรวมถึงผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ทั่วไปด้วย เพราะเห็นตรงกันว่าการรวมตัวทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกันในกลุ่มผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ทั้งอีเปย์เมนต์เกตเวย์ หรืออี-มันนี่จะเป็นผลดีมากกว่าต่างคนต่างทำ

"ในการแข่งขันก็มีความร่วมมือเกิดขึ้น เพราะบางเรื่อง ถ้าค่ายไหนโดนโจมตีระบบก็จะลามไปค่ายอื่นได้ เหมือนเวลาเอทีเอ็มโดนแฮ็กก็จะไม่โดนแบงก์เดียว มันจะลาม และกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วย เราจึงจะแชร์กัน และในนามชมรม เราพยายามกำหนดมาตรฐานบางอย่าง เช่น การเชื่อมต่อหาแบงก์ วันนี้ทุกคนต่อตรงกันหมด เป็นโครงข่ายใยแมงมุมครอสกันไปมา ในอนาคตอาจมีเกตเวย์กลางไหม หรือทำแบบที่ กสทช.ทำเคลียริ่งเฮาส์ เพราะการที่ร้านค้าต่าง ๆ ต้องดิวกับทุกค่ายมีฟอร์แมตถึง 3 แบบทำให้ทำงานยาก เราจึงคุยกันว่าน่าจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานอะไรบางอย่างร่วมกัน ที่ผ่านมางานของแบงก์ชาติเกี่ยวกับเปย์เมนต์ฟอรั่มเราก็ไปในนามชมรม ในระยะยาวเราหวังถึงการสร้างสังคมที่ไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless Society) หรือใช้ให้น้อยที่สุด"

ด้านนายปานเทพย์ นิลสินธพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ให้บริการอี-มันนี่ผ่าน เพย์สบาย และแจ๋ว กล่าวว่า กลางเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบอีวอลเลตของ 3 ค่ายมือถือ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบระบบหลังบ้านของทุกรายเพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปได้อย่างดีที่สุด หากปลดล็อกได้น่าจะผลักดันให้ผู้บริโภคใช้งานอีวอลเลตมากขึ้น เพราะนอกจากสามารถชำระค่าบริการ และซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้แล้ว ยังเหมือนมีธนาคารย่อม ๆ ไว้กับตนเอง โดยผู้ใช้ใส่เงินเข้าไปในอีวอลเลตผ่านบัตรเงินสด หรือผูกบัญชีธนาคารก็ได้ ทั้งยังโอนเงินให้ผู้ที่มีอีวอลเลตด้วยกันผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้จึงสะดวก และปลอดภัย

สำหรับ "เพย์สบาย" มีบริการอีวอลเลต 2 ประเภท คือ อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์มี 14,000 ราย และอีวอลเลตของผู้บริโภคทั่วไป มี 3 แสนไอดี มีมูลค่าทรานแซ็กชั่นในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% โดย 90% มาจากการชำระค่าสินค้าเข้าไปที่อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์ คาดว่าหลังเปิดบริการโอนเงินข้ามค่ายจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถประเมินตัวเลขได้

นอกจากนี้ บริการทางการเงินของดีแทคยังมีบริการ "แจ๋ว" ที่เป็นบริการโอน-ถอน-ชำระเงินผ่านตัวแทน ประกอบด้วยดีแทคฮอลล์ 27 แห่ง, ดีแทคเซ็นเตอร์มากกว่า 250 แห่ง และร้านโชห่วย หรืออื่น ๆ กว่า 6,000 แห่ง เป็นตัวกลางบริการ หลังเปิดใช้งานเมื่อต้นปี มีการใช้งานเฉลี่ย 1,000 บาท/ครั้ง และมีทรานแซ็กชั่น 2 แสนครั้ง/เดือน คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 30-70 บาท/ครั้ง (1-500 บาท คิด 30 บาท) โอนได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท

"การเปิดให้บริการโอนเงินของค่ายมือถือจะไปแข่งกับธนาคารหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เชิง เพราะเราต่างพึ่งพาอาศัยกัน แต่สิ่งที่อยากเห็นจากนี้คือการมีมาตรฐานกลางของบริการอีเพย์เมนต์ พร้อมกับการช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาบริการสู่ Cashless Society ได้"

ด้านนายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธาน บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการทรูมันนี่ เปิดเผยว่าความร่วมมือของโอเปอเรเตอร์ 3 ค่าย เชื่อมต่อระบบอีวอลเลตจะทำให้ผู้ใช้โอนเงินข้ามระหว่างกันได้ เป็นการยกระดับอีวอลเลตในประเทศไทยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น และทำให้ยอดการโอนเงินที่ปัจจุบันคิดเป็น 30% ของจำนวนทรานแซ็กชั่นของทรูมันนี่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันทรูมันนี่มีการใช้งาน 50,000 ทรานแซ็กชั่น/วัน หรือ 1.5 ล้านครั้ง/เดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 450 ล้านบาท/เดือน มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 7 ล้านไอดี ใช้งานเป็นประจำ 1 ล้านไอดี


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค