updated: 03 พ.ย. 2558 เวลา 20:40:35 น.
3 มือถือจุดพลุ "อี-มันนี่" เชื่อมระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ นำร่องบริการ "โอนเงิน" ข้ามค่ายผ่านเบอร์มือถือ-ไม่ต้องพึ่งบัญชีแบงก์ ดีเดย์กลาง พ.ย.นี้ วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท สร้างมิติใหม่ปลอดภัย-ลูกค้าสะดวก ปูทาง cashless Society เกาะกระแสอีคอมเมิร์ซบูม
นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด ในเครือเอไอเอส เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) กับทางเพย์สบายของดีแทค และทรูมันนี่เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการโอนเงินระหว่างกันผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือจากเดิมที่แต่ละบริษัทจะโอนเงินได้เฉพาะกับลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในเครือข่ายของตนเองเท่านั้น เพิ่มความสะดวก และความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้มากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างวางแผนเปิดตัวพร้อมกัน คาดว่าเมื่อเปิดระบบให้โอนเงินข้ามกันได้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมาก เช่นกันกับในอดีตที่มีการเปิดระบบ SMS ข้ามค่ายทำให้การใช้งานเพิ่มขึ้นมโหฬาร
"ตอนนี้ต้องบอกว่าทั้งสามค่ายมีฟีเจอร์โอนเงินอยู่แล้ว แต่โอนข้ามค่ายไม่ได้ เหมือนสมัยก่อนที่บริการ SMS ส่งกันได้แค่ในค่ายใครค่ายมัน เราจึงกำลังจะสร้างมิติใหม่ให้ลูกค้าเอ็มเปย์โอนเงินให้ทรูมันนี่หรือดีแทคได้ เหมือนบัญชีแบงก์ที่มีสวิตชิ่งกลางเชื่อมกันทำให้โอนเงินข้ามธนาคารได้ ต่อไปเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ผมใช้เอ็มเปย์จ่ายไปก่อน เพื่อนที่ใช้ดีแทคก็โอนเงินจากเพย์สบายมาให้ผมได้ทันที จากประสบการณ์ในอดีต ตอน SMS ส่งข้ามค่ายได้ โลกเปลี่ยนทันที และอย่างที่บอกว่ามิติการเปิดในครั้งนี้จะทำให้การโอนเงินมีความน่าเชื่อถือขึ้นอีก ลูกค้าจะฟิลว่าเขาปลอดภัยจริง ในทางเทคนิค การโอนเงินโดยใช้เบอร์มือถือ ดีตรง 1.เมื่อเทียบกับบัญชีแบงก์คือ บัญชีแบงก์จำยากกว่า เบอร์มือถือจำง่ายหรือไม่ต้องจำเพราะเรียกดูจากโฟนบุ๊กได้ และมีความเป็นยูนีคทำให้โอกาสผิดไม่มี ถ้าเลือกโอนมาเบอร์นี้ก็เบอร์นี้"
สำหรับวงเงินที่จะเปิดให้โอนเงินระหว่างกันได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 10,000 บาท มีค่าธรรมเนียมการโอนด้วยแต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นเท่าใด เพราะอาจมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน แต่ปัจจุบันบริการโอนเงินในบริการของ "เอ็มเปย์" ภายในเครือข่ายเอไอเอส คิดค่าธรรมเนียมที่ 5 บาท/ครั้ง คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มแค่ไหน เพราะวัตถุประสงค์หลักคือเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ
ปัจจุบันเอ็มเปย์มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย ขณะที่ฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสมีอยู่กว่า 40 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้บริการเป็นประจำที่ 4-5 แสนราย โดยปกติยอดการโอนเงินต่อเดือนจะอยู่ที่หลักแสนทรานแซ็กชั่น เทียบกับการจ่ายเงิน (เพย์เมนต์) ยังถือว่าน้อยมาก เพราะเพย์เมนต์จะอยู่ที่ 40-50 ล้านครั้ง ซึ่งการใช้งานอันดับหนึ่ง คือเติมเงินมือถือพรีเพด และจ่ายบิลโพสต์เพด มีสัดส่วนสัก 60% อันดับ 2 คือบิลเพย์เมนต์ หรือการจ่ายค่าบริการต่าง ๆ อันดับ 3 เติมเงินออนไลน์เกม และอันดับ 4 ด้านอีคอมเมิร์ซ
"กลุ่มแรกสัดส่วนจะตามฐานลูกค้าเอไอเอส แต่ที่คิดว่าจะโตมากคืออีคอมเมิร์ซ เราจึงมีความพยายามที่จะมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้เข้าตลาดอีคอมเมิร์ซได้ง่ายขึ้น และการโอนเงินก็เป็นส่วนหนึ่ง"
นายสุปรีชากล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ค่ายมือถือต่าง ๆ มีความร่วมมือกันในหลายเรื่องภายใต้ชมรมอีเพย์เมนต์ ซึ่งผู้ที่เป็นสมาชิกจะรวมถึงผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ทั่วไปด้วย เพราะเห็นตรงกันว่าการรวมตัวทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกันในกลุ่มผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ทั้งอีเปย์เมนต์เกตเวย์ หรืออี-มันนี่จะเป็นผลดีมากกว่าต่างคนต่างทำ
"ในการแข่งขันก็มีความร่วมมือเกิดขึ้น เพราะบางเรื่อง ถ้าค่ายไหนโดนโจมตีระบบก็จะลามไปค่ายอื่นได้ เหมือนเวลาเอทีเอ็มโดนแฮ็กก็จะไม่โดนแบงก์เดียว มันจะลาม และกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วย เราจึงจะแชร์กัน และในนามชมรม เราพยายามกำหนดมาตรฐานบางอย่าง เช่น การเชื่อมต่อหาแบงก์ วันนี้ทุกคนต่อตรงกันหมด เป็นโครงข่ายใยแมงมุมครอสกันไปมา ในอนาคตอาจมีเกตเวย์กลางไหม หรือทำแบบที่ กสทช.ทำเคลียริ่งเฮาส์ เพราะการที่ร้านค้าต่าง ๆ ต้องดิวกับทุกค่ายมีฟอร์แมตถึง 3 แบบทำให้ทำงานยาก เราจึงคุยกันว่าน่าจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานอะไรบางอย่างร่วมกัน ที่ผ่านมางานของแบงก์ชาติเกี่ยวกับเปย์เมนต์ฟอรั่มเราก็ไปในนามชมรม ในระยะยาวเราหวังถึงการสร้างสังคมที่ไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless Society) หรือใช้ให้น้อยที่สุด"
ด้านนายปานเทพย์ นิลสินธพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ให้บริการอี-มันนี่ผ่าน เพย์สบาย และแจ๋ว กล่าวว่า กลางเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบอีวอลเลตของ 3 ค่ายมือถือ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบระบบหลังบ้านของทุกรายเพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปได้อย่างดีที่สุด หากปลดล็อกได้น่าจะผลักดันให้ผู้บริโภคใช้งานอีวอลเลตมากขึ้น เพราะนอกจากสามารถชำระค่าบริการ และซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้แล้ว ยังเหมือนมีธนาคารย่อม ๆ ไว้กับตนเอง โดยผู้ใช้ใส่เงินเข้าไปในอีวอลเลตผ่านบัตรเงินสด หรือผูกบัญชีธนาคารก็ได้ ทั้งยังโอนเงินให้ผู้ที่มีอีวอลเลตด้วยกันผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้จึงสะดวก และปลอดภัย
สำหรับ "เพย์สบาย" มีบริการอีวอลเลต 2 ประเภท คือ อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์มี 14,000 ราย และอีวอลเลตของผู้บริโภคทั่วไป มี 3 แสนไอดี มีมูลค่าทรานแซ็กชั่นในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% โดย 90% มาจากการชำระค่าสินค้าเข้าไปที่อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์ คาดว่าหลังเปิดบริการโอนเงินข้ามค่ายจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถประเมินตัวเลขได้
นอกจากนี้ บริการทางการเงินของดีแทคยังมีบริการ "แจ๋ว" ที่เป็นบริการโอน-ถอน-ชำระเงินผ่านตัวแทน ประกอบด้วยดีแทคฮอลล์ 27 แห่ง, ดีแทคเซ็นเตอร์มากกว่า 250 แห่ง และร้านโชห่วย หรืออื่น ๆ กว่า 6,000 แห่ง เป็นตัวกลางบริการ หลังเปิดใช้งานเมื่อต้นปี มีการใช้งานเฉลี่ย 1,000 บาท/ครั้ง และมีทรานแซ็กชั่น 2 แสนครั้ง/เดือน คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 30-70 บาท/ครั้ง (1-500 บาท คิด 30 บาท) โอนได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท
"การเปิดให้บริการโอนเงินของค่ายมือถือจะไปแข่งกับธนาคารหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เชิง เพราะเราต่างพึ่งพาอาศัยกัน แต่สิ่งที่อยากเห็นจากนี้คือการมีมาตรฐานกลางของบริการอีเพย์เมนต์ พร้อมกับการช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาบริการสู่ Cashless Society ได้"
ด้านนายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธาน บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการทรูมันนี่ เปิดเผยว่าความร่วมมือของโอเปอเรเตอร์ 3 ค่าย เชื่อมต่อระบบอีวอลเลตจะทำให้ผู้ใช้โอนเงินข้ามระหว่างกันได้ เป็นการยกระดับอีวอลเลตในประเทศไทยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น และทำให้ยอดการโอนเงินที่ปัจจุบันคิดเป็น 30% ของจำนวนทรานแซ็กชั่นของทรูมันนี่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันทรูมันนี่มีการใช้งาน 50,000 ทรานแซ็กชั่น/วัน หรือ 1.5 ล้านครั้ง/เดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 450 ล้านบาท/เดือน มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 7 ล้านไอดี ใช้งานเป็นประจำ 1 ล้านไอดี
นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด ในเครือเอไอเอส เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) กับทางเพย์สบายของดีแทค และทรูมันนี่เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการโอนเงินระหว่างกันผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือจากเดิมที่แต่ละบริษัทจะโอนเงินได้เฉพาะกับลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในเครือข่ายของตนเองเท่านั้น เพิ่มความสะดวก และความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้มากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างวางแผนเปิดตัวพร้อมกัน คาดว่าเมื่อเปิดระบบให้โอนเงินข้ามกันได้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมาก เช่นกันกับในอดีตที่มีการเปิดระบบ SMS ข้ามค่ายทำให้การใช้งานเพิ่มขึ้นมโหฬาร
"ตอนนี้ต้องบอกว่าทั้งสามค่ายมีฟีเจอร์โอนเงินอยู่แล้ว แต่โอนข้ามค่ายไม่ได้ เหมือนสมัยก่อนที่บริการ SMS ส่งกันได้แค่ในค่ายใครค่ายมัน เราจึงกำลังจะสร้างมิติใหม่ให้ลูกค้าเอ็มเปย์โอนเงินให้ทรูมันนี่หรือดีแทคได้ เหมือนบัญชีแบงก์ที่มีสวิตชิ่งกลางเชื่อมกันทำให้โอนเงินข้ามธนาคารได้ ต่อไปเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ผมใช้เอ็มเปย์จ่ายไปก่อน เพื่อนที่ใช้ดีแทคก็โอนเงินจากเพย์สบายมาให้ผมได้ทันที จากประสบการณ์ในอดีต ตอน SMS ส่งข้ามค่ายได้ โลกเปลี่ยนทันที และอย่างที่บอกว่ามิติการเปิดในครั้งนี้จะทำให้การโอนเงินมีความน่าเชื่อถือขึ้นอีก ลูกค้าจะฟิลว่าเขาปลอดภัยจริง ในทางเทคนิค การโอนเงินโดยใช้เบอร์มือถือ ดีตรง 1.เมื่อเทียบกับบัญชีแบงก์คือ บัญชีแบงก์จำยากกว่า เบอร์มือถือจำง่ายหรือไม่ต้องจำเพราะเรียกดูจากโฟนบุ๊กได้ และมีความเป็นยูนีคทำให้โอกาสผิดไม่มี ถ้าเลือกโอนมาเบอร์นี้ก็เบอร์นี้"
สำหรับวงเงินที่จะเปิดให้โอนเงินระหว่างกันได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 10,000 บาท มีค่าธรรมเนียมการโอนด้วยแต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นเท่าใด เพราะอาจมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน แต่ปัจจุบันบริการโอนเงินในบริการของ "เอ็มเปย์" ภายในเครือข่ายเอไอเอส คิดค่าธรรมเนียมที่ 5 บาท/ครั้ง คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้มีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มแค่ไหน เพราะวัตถุประสงค์หลักคือเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ
ปัจจุบันเอ็มเปย์มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย ขณะที่ฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสมีอยู่กว่า 40 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้บริการเป็นประจำที่ 4-5 แสนราย โดยปกติยอดการโอนเงินต่อเดือนจะอยู่ที่หลักแสนทรานแซ็กชั่น เทียบกับการจ่ายเงิน (เพย์เมนต์) ยังถือว่าน้อยมาก เพราะเพย์เมนต์จะอยู่ที่ 40-50 ล้านครั้ง ซึ่งการใช้งานอันดับหนึ่ง คือเติมเงินมือถือพรีเพด และจ่ายบิลโพสต์เพด มีสัดส่วนสัก 60% อันดับ 2 คือบิลเพย์เมนต์ หรือการจ่ายค่าบริการต่าง ๆ อันดับ 3 เติมเงินออนไลน์เกม และอันดับ 4 ด้านอีคอมเมิร์ซ
"กลุ่มแรกสัดส่วนจะตามฐานลูกค้าเอไอเอส แต่ที่คิดว่าจะโตมากคืออีคอมเมิร์ซ เราจึงมีความพยายามที่จะมานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้เข้าตลาดอีคอมเมิร์ซได้ง่ายขึ้น และการโอนเงินก็เป็นส่วนหนึ่ง"
นายสุปรีชากล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ค่ายมือถือต่าง ๆ มีความร่วมมือกันในหลายเรื่องภายใต้ชมรมอีเพย์เมนต์ ซึ่งผู้ที่เป็นสมาชิกจะรวมถึงผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ทั่วไปด้วย เพราะเห็นตรงกันว่าการรวมตัวทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกันในกลุ่มผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ทั้งอีเปย์เมนต์เกตเวย์ หรืออี-มันนี่จะเป็นผลดีมากกว่าต่างคนต่างทำ
"ในการแข่งขันก็มีความร่วมมือเกิดขึ้น เพราะบางเรื่อง ถ้าค่ายไหนโดนโจมตีระบบก็จะลามไปค่ายอื่นได้ เหมือนเวลาเอทีเอ็มโดนแฮ็กก็จะไม่โดนแบงก์เดียว มันจะลาม และกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วย เราจึงจะแชร์กัน และในนามชมรม เราพยายามกำหนดมาตรฐานบางอย่าง เช่น การเชื่อมต่อหาแบงก์ วันนี้ทุกคนต่อตรงกันหมด เป็นโครงข่ายใยแมงมุมครอสกันไปมา ในอนาคตอาจมีเกตเวย์กลางไหม หรือทำแบบที่ กสทช.ทำเคลียริ่งเฮาส์ เพราะการที่ร้านค้าต่าง ๆ ต้องดิวกับทุกค่ายมีฟอร์แมตถึง 3 แบบทำให้ทำงานยาก เราจึงคุยกันว่าน่าจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานอะไรบางอย่างร่วมกัน ที่ผ่านมางานของแบงก์ชาติเกี่ยวกับเปย์เมนต์ฟอรั่มเราก็ไปในนามชมรม ในระยะยาวเราหวังถึงการสร้างสังคมที่ไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless Society) หรือใช้ให้น้อยที่สุด"
ด้านนายปานเทพย์ นิลสินธพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ให้บริการอี-มันนี่ผ่าน เพย์สบาย และแจ๋ว กล่าวว่า กลางเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบอีวอลเลตของ 3 ค่ายมือถือ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบระบบหลังบ้านของทุกรายเพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปได้อย่างดีที่สุด หากปลดล็อกได้น่าจะผลักดันให้ผู้บริโภคใช้งานอีวอลเลตมากขึ้น เพราะนอกจากสามารถชำระค่าบริการ และซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้แล้ว ยังเหมือนมีธนาคารย่อม ๆ ไว้กับตนเอง โดยผู้ใช้ใส่เงินเข้าไปในอีวอลเลตผ่านบัตรเงินสด หรือผูกบัญชีธนาคารก็ได้ ทั้งยังโอนเงินให้ผู้ที่มีอีวอลเลตด้วยกันผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้จึงสะดวก และปลอดภัย
สำหรับ "เพย์สบาย" มีบริการอีวอลเลต 2 ประเภท คือ อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์มี 14,000 ราย และอีวอลเลตของผู้บริโภคทั่วไป มี 3 แสนไอดี มีมูลค่าทรานแซ็กชั่นในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% โดย 90% มาจากการชำระค่าสินค้าเข้าไปที่อีวอลเลตของร้านค้าออนไลน์ คาดว่าหลังเปิดบริการโอนเงินข้ามค่ายจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถประเมินตัวเลขได้
นอกจากนี้ บริการทางการเงินของดีแทคยังมีบริการ "แจ๋ว" ที่เป็นบริการโอน-ถอน-ชำระเงินผ่านตัวแทน ประกอบด้วยดีแทคฮอลล์ 27 แห่ง, ดีแทคเซ็นเตอร์มากกว่า 250 แห่ง และร้านโชห่วย หรืออื่น ๆ กว่า 6,000 แห่ง เป็นตัวกลางบริการ หลังเปิดใช้งานเมื่อต้นปี มีการใช้งานเฉลี่ย 1,000 บาท/ครั้ง และมีทรานแซ็กชั่น 2 แสนครั้ง/เดือน คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 30-70 บาท/ครั้ง (1-500 บาท คิด 30 บาท) โอนได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท
"การเปิดให้บริการโอนเงินของค่ายมือถือจะไปแข่งกับธนาคารหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เชิง เพราะเราต่างพึ่งพาอาศัยกัน แต่สิ่งที่อยากเห็นจากนี้คือการมีมาตรฐานกลางของบริการอีเพย์เมนต์ พร้อมกับการช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาบริการสู่ Cashless Society ได้"
ด้านนายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธาน บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการทรูมันนี่ เปิดเผยว่าความร่วมมือของโอเปอเรเตอร์ 3 ค่าย เชื่อมต่อระบบอีวอลเลตจะทำให้ผู้ใช้โอนเงินข้ามระหว่างกันได้ เป็นการยกระดับอีวอลเลตในประเทศไทยให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น และทำให้ยอดการโอนเงินที่ปัจจุบันคิดเป็น 30% ของจำนวนทรานแซ็กชั่นของทรูมันนี่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันทรูมันนี่มีการใช้งาน 50,000 ทรานแซ็กชั่น/วัน หรือ 1.5 ล้านครั้ง/เดือน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 450 ล้านบาท/เดือน มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 7 ล้านไอดี ใช้งานเป็นประจำ 1 ล้านไอดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น