ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“น้องตั๊ก” แม่ค้าออนไลน์วัย 22 จากลูกชาวนาสู่เศรษฐีเงินล้าน



จากเด็กที่ไม่มีต้นทุนชีวิต เกิดจากครอบครัวยากจนแร้นแค้น แต่วันนี้กลับพลิกผันกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในวัยเพียง 22  ปี และนี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ละคร ที่ Sanook! Women อยากส่งต่อเรื่องราวของ “น้องตั๊ก ศุกลรัตน์ มานะดี”  เด็กสาวที่ตัดสินใจถอดสร้อยคอทองคำ 1 สลึงของตนเองไปจำนำ เสี่ยงลงทุนทำธุรกิจขายสบู่ออนไลน์ เพียงเพราะเธอไม่สามารถทนเห็นพ่อแม่ลำบากได้อีกต่อไป และนั่นคือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเด็กสาวคนนี้

“ชีวิตมันจนจึงต้องสู้” “น้องตั๊ก” แม่ค้าออนไลน์วัย 22 จากลูกชาวนาสู่เศรษฐีเงินล้านจากเด็กที่ไม่มีต้นทุนชีวิต เกิดจากครอบครัวยากจนแร้นแค้น แต่วันนี้กลับพลิกผันกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในวัยเพียง 22  ปี และนี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ละคร ที่ Sanook! Women อยากส่งต่อเรื่องราวของ “น้องตั๊ก ศุกลรัตน์ มานะดี”  เด็กสาวที่ตัดสินใจถอดสร้อยคอทองคำ 1 สลึงของตนเองไปจำนำ เสี่ยงลงทุนทำธุรกิจขายสบู่ออนไลน์ เพียงเพราะเธอไม่สามารถทนเห็นพ่อแม่ลำบากได้อีกต่อไป และนั่นคือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเด็กสาวคนนี้

ความจนคือแรงฮึดให้ต้องสู้
ตั๊กเกิดในครอบครัวชาวไร่ชาวนา ฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบาก คุณพ่อไปใช้แรงงานเก็บผลไม้อยู่ต่างประเทศ ส่วนคุณแม่เป็นชาวไร่ที่ต้องเลี้ยงทั้งตั๊กและน้องชายในเวลาเดียวกัน การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอต้องอยู่อย่างประหยัด เช่าหอพักในราคาเดือนละพันกว่าบาท บางเดือนพ่อแม่ส่งเงินมาให้ไม่ทันก็ต้องยอมอด ทำให้ตั๊กเริ่มคิดหารายได้เสริมให้ตัวเองด้วยการมองดูรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นตัวแทนขายสบู่ออนไลน์จนประสบความสำเร็จ ซื้อบ้านให้ตัวเองได้
“เอาพี่คนนี้เป็น Idol แล้วตอนนั้นมีสบู่อยู่แบรนด์หนึ่งเป็นสีเขียว แต่ตั๊กไม่รู้หรอกว่ามันจะขายดีหรือขายไม่ดี ตั๊กเลยถอดทองที่คอเอาไปจำนำร้านทอง เอาแค่ 4,000 แต่เขาให้ 8,000 ตั๊กก็เลยเอาสบู่แบรนด์นี้มาขาย ด้วยความไม่รู้ว่าแบรนด์นี้จะดัง เหมือนตั๊กเป็นตัวแทนคนแรกๆ เลยเอาสบู่แบรนด์นี้มาขาย ก็เลยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแทนคนอื่นอยากซื้อกับคนนี้”
จากตัวแทนจำหน่าย…ก้าวสู่เจ้าของแบรนด์
การเริ่มต้นเป็นตัวแทนจำหน่ายในช่วงแรกๆ ดูจะไปไม่สวยนัก เพราะเธอขายสบู่ได้วันละ 1-2 ก้อน ทำให้รู้สึกท้อในบางครั้ง เวลาที่ชีวิตลำบาก เธอเหนื่อยสายตัวแทบขาด กินนอนไม่เป็นเวลา แต่เมื่อนึกถึงความยากลำบากของครอบครัวทำให้มีกำลังใจและพยายามอดทนสู้เรื่อยมา จนกระทั่งมียอดขายเพิ่มขึ้นสร้างรายได้ให้ตัวเองตกเดือนละเป็นแสน กระทั่งปัจจุบันสาววัย 22 ปีคนนี้ต่อยอดธุรกิจกลายเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าแทนการเป็นตัวแทนจำหน่ายเช่นเคย
“หลังมีกำไรก็เริ่มทำเแบรนด์ของตัวเอง ไปติดต่อโรงงานผลิตที่กรุงเทพฯ โรงงานเหล่านี้เขามีมาตรฐานอยู่แล้ว เราก็ไปเลือกว่าเราจะเอาสูตรไหนใส่อะไรแล้วก็ไปยื่นขอ อย. ส่งไปให้สำนักงานเขาดูว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ที่เลือกทำธุรกิจออนไลน์ ตั๊กมองว่าตัวเองมีเพื่อนในเฟซบุ๊กอยู่แล้ว จะไปทำธุรกิจอื่นๆ มันก็ต้องลงทุนสูง มีค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ในเฟซบุ๊กเป็นช่องทางให้คนไม่มีเงินลงทุนสามารถทำได้ พอเริ่มลืมตาอ้าปากได้ ตั๊กก็จัดกิจกรรมทุกเดือน มีการแจกทองให้ตัวแทนและครอบครัวไปเที่ยวเมืองนอก หัวใจสำคัญที่ตั๊กมาถึงจุดนี้ได้ตั๊กคิดว่าเราต้องดูแลตัวแทนลูกทีมเรา ดูแลเหมือนเป็นญาติพี่น้องให้ความรักช่วยเหลือกัน เขาก็จะรักเราและช่วยให้ธุรกิจเราโตต่อไปได้ค่ะ”
ปลดหนี้หลักแสนสร้างบ้านหลังใหม่หลักล้าน
ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่สาวน้อยคนนี้ทุ่มเทเป็นตัวแทนจำหน่ายสบู่ออนไลน์ ทำให้ต้องพักการเรียน เพื่อออกมาทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันเธอกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ไปแล้ว และเธอบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบกลับมาเกินความฝันที่อยากจะมีบ้านหลังใหม่หลังใหญ่ๆ อยากมีรถยนต์ วันนี้เธอทำสิ่งเหล่านี้ให้พ่อแม่ได้สำเร็จแล้ว หลังจากทุกอย่างเริ่มลงตัว เธอจะกลับไปเรียนต่อเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้คุณพ่อและคุณแม่ของเธออีกครั้ง
“หนี้ห้าแสนตั๊กปลดให้แม่หมดแล้ว และตอนนี้สร้างบ้านให้พ่อแม่ อีกสามเดือนก็คงจะเสร็จ แล้วก็ซื้อรถให้แม่คันหนึ่ง ซื้อเอาไว้ขายของ วันที่ตั๊กปลดหนี้ได้ ตั๊กตัดสินใจโทรบอกพ่อที่ทำงานอยู่เมืองนอกให้กลับมาอยู่บ้าน ตั๊กจะเป็นคนเลี้ยงครอบครัวเอง ตั๊กแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบคนในครอบครัวทุกคนให้มีกิน มีใช้ อยู่สุขสบาย วันนี้ตั๊กทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจได้แล้วค่ะจากเงินแค่ 4,000 บาทในวันนั้น”
เรื่องราวชีวิตของสาวน้อยรักดีคนหนึ่ง ที่ไม่ได้คิดจะอวดร่ำอวดรวย แต่อยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังท้อแท้ ผ่านจุดทดสอบชีวิตในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดและช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตไปให้ได้ เพราะถ้าทุกคนผ่านไปได้ก็จะได้รับความภาคภูมิใจเป็นของขวัญอันมีคุณค่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค