ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อ่านสามก๊ก ถกยอดคน


เป็นที่ทราบว่าวรรณคดีสามก๊กถูกรับใช้ทางสังคมในหลายมิติด้วยกัน ทั้งในเรื่องของงานวรรณคดีเชิงประวัติศาสตร์โบราณ การทำสงคราม การบริหารจัดการ

รวมไปถึงวิธีการอ่านใจคนจากตัวละครต่างๆผ่านมาวรรณคดีเชิงประวัติศาสตร์สามก๊ก ถูกแปลเป็นภาษาไทยหลายสำนวนด้วยกัน ทั้งสำนวนของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) สำนวนยาขอบ และสำนวนของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

รวมไปถึงการเขียนขึ้นใหม่ เพื่อรับใช้ตำราพิชัยสงคราม หรือศาสตร์ทางการบริหารจากโลกตะวันออกซึ่งเหมือนกับหนังสือเรื่อง “อ่านสามก๊กถกยอดคน” ที่ “ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์” เป็นผู้เขียน

ครั้งหนึ่ง “ก่อศักดิ์” เคยตั้งคำถามกับผู้คนที่สนใจวรรณคดีเชิงประวัติศาสตร์โบราณเรื่องนี้ว่าทำไมคนไทยต้องอ่านสามก๊ก เขาตอบอย่างน่าสนใจว่า...นอกจากสามก๊กจะเป็นวรรณกรรมจีนที่ยิ่งใหญ่ ยังเป็นหนังสืออีกประเภทหนึ่งที่เข้าใจถึงจิตใจมนุษย์

“ถึงแม้ว่าสามก๊กจะมีความคลาดเคลื่อนทางด้านประวัติศาสตร์อยู่บ้าง แต่ในภาพใหญ่แล้วไม่น่าจะผิด ก็จะมีประโยชน์ในเชิงบริหาร แต่อย่างไร ผมขอย้ำว่า ผมไม่เห็นด้วยกับคำว่ากลยุทธ์ เพราะมุขที่มีอยู่ในสามก๊กทุกคนรู้กันว่าคือการเขียนเสริมเติมแต่งให้น่าอ่าน”

“จึงกลายเป็นฉบับของ หลัว กวั้นจง ที่ทุกคนอ่านสนุก จะมีมุข หรือในยุทธการต่างๆ ก็หาเหตุผลมารองรับ สนับสนุนว่ายุทธการนี้รบมาด้วยการวางแผนอย่างไร ต้องเรียนว่ามุขต่างๆ เหล่านี้ นักวิชาการที่เกรงใจเขาบอกว่า เท็จ 30 จริง 70 แต่ถ้าคนที่ไม่เกรงใจจะบอกว่าเท็จ 70 จริง 30”

“ดังนั้น ถ้าเอามุขมาใช้ในการวางแผนต้องบอกว่าอันตราย เพราะว่าของปลอมเยอะ อย่างเช่นอุบายเมืองกลวง ถ้าเอามาใช้ เจ๊งแน่นอน ไม่มีจริง เพราะอุบายเมืองกลวงไม่มีแม่ทัพ เปิดประตูเมืองโล่ง นั่งตีขิม จนสุมาอี้มาเห็นขิมกับเสียงขิม แค่นี้ก็บอกว่าอันตราย แล้วก็วิ่งหนี ซึ่งเป็นไปไม่ได้”

“อย่างมากต้องส่งทหารเข้าไปดูซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น มากสุดคงเสียทหารพันสองพันคน เพราะฉะนั้น มุขนี้ไม่จริง อย่าเชื่อ แต่เรื่องของการเข้าใจจิตใจมนุษย์ มีส่วนให้เข้าใจการบริหารจัดการ ข้อนี้จริง”

การหยั่งรู้เข้าใจจิตใจมนุษย์นี่เอง ที่ทำให้ “ก่อศักดิ์” นำบุคลิก คำพูด การกระทำ และพฤติกรรมของตัวละครต่างๆ มาถอดเป็นศาสตร์การบริหารจากสามก๊ก จนเป็นหนังสือมากมาย เหมือนกับ “อ่านสามก๊กถกยอดคน” ที่เขาเขียนเล่มนี้ด้วย

เพราะในหนังสือเล่มนี้ “ก่อศักดิ์” มุ่งเน้นเรื่องการอธิบายความเป็นยอดคนของตัวละครต่างๆ อาทิ โจโฉ-จอมคนในสามก๊ก, เล่าปี่-ผู้นำในดวงใจ, ซุนกวน-พยัคฆ์แห่งกังตั๋ง, ขงเบ้ง-มังกรเร้นกาย, สุมาอี้-ความอดทนนำพาสู่ความสำเร็จ ,จิวยี่-ยอดขุนพลผู้ปราดเปรื่อง และกาเซี่ยง-กุนซือผู้ไม่เคยพลาด

เพียงแต่ในที่นี้ ขออนุญาตหยิบยกเพียงบางตัวละครมานำเสนอ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพว่าความเป็นคนยอดคนของ “ก่อศักดิ์” มีความหมายเป็นเช่นไร

เริ่มจาก “โจโฉ” ที่ “ก่อศักดิ์” อธิบายว่าโจโฉเน้นเรื่องการบริหารคน โดยเฉพาะการคัดเลือกคนที่มีความสามารถจัดคนให้เหมาะกับงานที่มอบหมาย ถือคติว่าไม่ว่าแมวขาว แมวดำ จับหนูได้ ล้วนเป็นแมวที่ดี นั่นคือการเลือกคนจากความสามารถ โดยไม่ถืออคติภูมิหลัง

“ขอเพียงมีความสามารถตรงตามต้องการ โจโฉจะเปิดโอกาสให้แสดงฝีมือเต็มที่ การเป็นลูกน้องโจโฉต้องตื่นตัวตลอดเวลา เพราะการแข่งขันภายในสูงมาก เต็มไปด้วยคนเก่ง ความที่เขาเป็นคนรักคนเก่งๆ เห็นใครเก่งก็อดไม่ได้ที่จะดึงตัวมาอยู่เป็นพวก”

“ขนาดกวนอูฆ่าแม่ทัพนายด่านของโจโฉไปตั้งมากมายระหว่างทางกลับไปหาเล่าปี่ โจโฉยังให้อภัย หรือเห็นจูล่งแสดงความสามารถเก่งกล้าสามารถที่เนินเตียงปันก็สั่งห้ามทหารยิงลูกเกาทัณฑ์ใส่ โจโฉจึงมีทั้งกุนซือ และยอดขุนพลมากที่สุด บุคลากรที่มีคุณภาพ เปรียบเสมือนทรัพยากรสำคัญขององค์กร จึงไม่น่าแปลกใจที่วุยก๊กจะเป็นกลุ่มที่เข้มแข็งที่สุดในสามก๊ก”

เช่นเดียวกับ “เล่าปี่” ที่ใครๆ ต่างมองว่าเป็นตัวละครที่มีลูกน้องสวามิภักดิ์มากที่สุดคนหนึ่ง แต่ในมุมมองของ “ก่อศักดิ์” กลับมอง “เล่าปี่” มีหลายมิติที่น่าสนใจคือปัจจุบันมีนักวิจารณ์บางสำนักบอกว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนช่างเสแสร้ง แต่ผมว่าไม่ค่อยยุติธรรมเท่าใดนัก

“เล่าปี่เป็นรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนมีคุณธรรม มีความกล้าหาญ แต่เล่าปี่ต่อมน้ำตาตื้น เวลามีเรื่องกระทบกระเทือนใจหน่อยก็ร้องไห้ เวลาระบายความทุกข์ให้คนอื่นฟัง มักจะน้ำตาไหล แต่ตอนที่ต้องแกล้งทำเป็นตกใจหลังจากฟ้าผ่าฟ้าร้อง เพื่อตบตาไม่ให้โจโฉรู้ว่าเล่าปี่เป็นคนเก่งนั้น มันก็เป็นเรื่องจำเป็น”

“ถือว่าเป็นปฏิภาณไหวพริบในการที่จะต้องลวงศัตรู แต่พงศาวดารต้องการเน้นตัวขงเบ้ง เลยลบรัศมีเล่าปี่ลงไปไม่น้อย เล่าปี่เป็นคนเก่ง มีสายตาของนักการเมือง มีท่วงที มีบุคลิกของนักการเมืองชั้นเยี่ยมระดับหัวหน้าพรรค ฉะนั้น เล่าปี่คงมีความเก่ง ขนาดว่าขงเบ้งยินยอมสยบให้”

“ขงเบ้งเป็นคนช่วยบริหาร ขงเบ้งได้รับความไว้วางใจรับใช้ตระกูลเล่าปี่ถึง 2 ชั่วอายุคน แม้เล่าปี่จะล้มลุกคลุกคลานครึ่งชีวิต พ่ายแพ้การศึกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ที่สามารถประสบความสำเร็จในบั้นปลาย ด้วยจุดเด่นคือเชื่อมั่นในความสามารถของลูกน้อง”

“สร้างบารมีด้วยคุณธรรม จนเป็นที่เคารพนับถือของลูกน้อง และคนในปกครอง มัดใจด้วยใจ ทำให้ได้ลูกน้องที่จงรักภักดีมากมาย ทั้งกวนอู, เตียวหุย, จูล่ง โดยเฉพาะขงเบ้งที่ยอมรับใช้ทุ่มเทสุดชีวิต ความสำเร็จของเล่าปี่มาจากพื้นฐานง่ายๆ คือยึดมั่นในคุณธรรม และเมตตาธรรม จนทำให้เล่าปี่ได้รับการยกย่องสรรเสริญมาจนทุกวันนี้”

ส่วน “ขงเบ้ง” ตัวละครสำคัญในสามก๊ก “ก่อศักดิ์” บอกว่าขงเบ้งให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรบุคคลมากที่สุดอย่างจ๊กก๊กอยู่ในถิ่นกันดารห่างไกล ทั้งพื้นที่ และประชากรน้อยมาก เมื่อเทียบกับทั้งวุยก๊ก และง่อก๊ก

“ยิ่งทำให้ขงเบ้งต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ หลักการของขงเบ้งเน้นคนที่มีคุณธรรม พิจารณาตามความสามารถ แม้จะมีข้อบกพร่องอยู่ ต้องดึงศักยภาพมาใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ขงเบ้งกล่าวไว้ว่า วิถีการบริหารบ้านเมือง คือการสนับสนุนคนมีคุณธรรมความสามารถ”

“ทั้งยังได้เปรียบเทียบว่าเสาบ้านต้องใช้ไม้ตรงเป็นแกนกลาง การปกครองต้องใช้ขุนนางซื่อตรง แม้แต่ในฎีกาออกศึก ยังเขียนเตือนสติเล่าเสี้ยนบุตรชายเล่าปี่ไว้ว่าให้ใกล้ชิดขุนนางมีคุณธรรม ห่างไกลจากคนสอพลอ เห็นได้ว่าขงเบ้งให้ความสำคัญด้านจริยธรรมคู่กับความสามารถ”

นอกจากนั้น “ขงเบ้ง” ยังยึดหลักกองทัพด้วยวินัย หากกองทัพไร้วินัย ต่อให้แม่ทัพเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจรักษาชัยชนะไว้ได้

“ดังนั้น แม้แต่ม้าเจ๊ก กุนซือที่ติดตามขงเบ้งมานาน แต่เนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งขงเบ้งจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบุกเหนือครั้งแรก ขงเบ้งจึงต้องสั่งประหาร แม้จะเสียดายในความสามารถก็ตาม ในการปกครองบ้านเมืองก็เช่นกัน ขงเบ้งยึดหลักการตามระเบียบกฎหมายอย่างยุติธรรม โดยไม่อิงความสัมพันธ์ส่วนตัว จนทำให้แม้แต่ผู้ถูกลงโทษยังยอมรับคำตัดสิน”

เรื่องของสามก๊กมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผู้ตีความมีความชำนาญในการถอดรหัสตัวละครออกมาเช่นไร เพราะอย่างที่บอกวรรณคดีเชิงประวัติศาสตร์โบราณอย่างสามก๊ก จะอ่านแบบศึกษาวรรณคดี วรรณกรรมก็ได้ จะอ่านแบบนำไปใช้ในกลศึกสงครามก็ได้

หรือจะอ่านแบบนำไปใช้ในศาสตร์การบริหารการตลาด การบริหารทรัพยากรบุคคลก็ได้เพราะ “ก่อศักดิ์” เองก็เลือกอ่านจากมุมเหล่านี้จนนำพาเซเว่นอีเลฟเว่นประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างที่เห็นล้วนมาจากการเล่นหมากล้อม การอ่านนวนิยายจีนกำลังภายใน รวมถึงการอ่านวรรณคดีเชิงประวัติศาสตร์โบราณอย่างสามก๊ก
จนทำให้เขากลายเป็นนักบริหารแถวหน้าของเครือซีพี กรุ๊ป ในวันนี้?

สาโรจน์ มณีรัตน์คิดอย่างนักบริหาร
วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556 
www.sentangsedtee.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค