ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"มิ้ว"- จิระพงศ์ มีนาพระ ลมกรดเบอร์ 1 อาเซียน


เเม้จะออกตัวไม่ดีนักเเต่ "ความสำเร็จ" ไม่ได้หนีไปไหน

หนุ่มหน้ามน คนรูปงามวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก สะบัดกำปั้นสะใจในความสำเร็จที่ได้รับ ก่อนจะนำธงชาติไทยผืนใหญ่คลุมร่างตัวเอง แล้วฉีกยิ้มกว้าง โบกไม้โบกมือให้กับบรรดาแฟนๆ ชาวไทยที่มาเป็นกำลังใจร่วมเชียร์อยู่ข้างสนาม 

ครู่ต่อมาเขาย่อเข่า เบี่ยงตัวเอียงข้างเล็กน้อย ยกมือทั้งสองชี้นิ้วไปในแนวทะแยง ทำท่าประจำตัวของ"ยูเซน โบลต์" ลมกรดเบอร์ 1 ของโลก ก่อนถูกรุมล้อมหน้าล้อมหลังด้วยกล้องของกองทัพนักข่าว

เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "มิ้ว" "จิระพงศ์ มีนาพระ" 
หนุ่มวัย 20 ปี ผู้นี้นำความสุขมามอบให้กับคนไทย พร้อมของขวัญปีใหม่ล้ำค่าอย่าง 3 เหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ กรุงเนปิดอร์เกมส์ ที่ประเทศพม่า ที่เพิ่งสิ้นสุดลง โดยเจ้าตัวได้ยืนร้องเพลงชาติไทยอย่างเต็มภาคภูมิถึง 3 ครั้ง บนบัลลังก์ "ลมกรดชาย" ไล่ตั้งเเต่ผลัด 4 คูณ 100 เมตร (39.75 วินาที) 100 เมตร (10.48 วินาที) เเละท้ายสุด 200 เมตร (21.29 วินาที)

ประกาศศักดาเป็นยอดนักวิ่งที่เร็วที่สุดของอาเซียน ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนไทยเพียง 4 คนที่ทำได้ คือ "อาณัติ รัตนพล", "สุชาติ แจสุรภาพ", "สุเมธ พรหมณะ" และ "เหรียญชัย สีหะวงษ์" 
หลังจากทีมนักวิ่งไทยเสียหน้าในกีฬาซีเกมส์ช่วงหลายปีหลัง รวมทั้งเมื่อ 2 ปีก่อน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย การกลับมาเป็นเจ้าลมกรดในเวทีซีเกมส์ อีกครั้งย่อมเป็นเรื่องที่ควรต้องฉลอง 

ยิ่งกับความสำเร็จของ "มิ้ว" จิระพงศ์ 
เจ้าของส่วนสูง 176 เซนติเมตร น้่ำหนัก 65 กิโลกรัม ผู้นี้เกิด เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2536 เป็นชาว อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นลูกชายของ พ่อ "สุรชัย มีนาพระ" กับ แม่ "บุญทิพย์ สมุทรเก่า" มีน้องชายวัย 16 ปีหนึ่งคน คือ "ภาณุ สมุทรเก่า" 

จบชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนดรุโณทัย เเละระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ปัจจุบัน เรียนอยู่ที่ สาขาประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็น ผู้สื่อข่าวสายกีฬา เมื่อถึงวันที่ร่วงโรยในอาชีพนักวิ่ง 

"ก่อนหน้านี้เรียนคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เเต่ด้วยปัญหาระยะทางในการฝึกซ้อมที่ห่างจากสนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิตมาก ก็ต้องถอนตัวมาเรียนที่ ม.กรุงเทพ เเละเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ เพื่อว่าหากเลิกเล่นกีฬาเเล้วเราจะเป็นนักข่าวสายกีฬา เหมือนพวกพี่นิหน่า (สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา) หรือพี่เเจ็คกี้ (อดิสรณ์ พึ่งยา)

"ผมคิดว่าทิ้งเรื่องเรียนไม่ได้ กีฬาอาจจะไม่อยู่กับเราไปตลอด เลยต้องเอาเรียนไว้ก่อน เเต่อีกใจก็อยากเป็นนายร้อยด้วย เพราะตอนนี้เป็น จ่าอากาศตรีอยู่"
 จิระพงศ์ เล่าพร้อมทำหน้าทะเล้น

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก...

จิระพงศ์เล่าให้ฟังว่า พ่อเเม่ไม่ได้สนับสนุนในการเป็นนักวิ่งมากนัก เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะก้าวเป็นเจ้านักวิ่งที่วิ่งเร็วที่สุดในอาเซียน เเบบนี้ อย่างที่จำได้แม่นจนวันตาย คือเป็นนักกีฬาโรงเรียนตอน ป.5 รองเท้าคู่เเรกที่ได้รับคืออาดิดาสมือสองซึ่งเเม่ซื้อให้ ราคา 250 บาท ไม่ได้ซื้ออย่างดี หรือว่ามือหนึ่ง และก็ไม่คิดว่าจะก้าวไกลมาติดทีมชาติอย่างวันนี้

เเต่ไม่ว่าจะใส่รองเท้าราคาเท่าไหร่ เพียงเเค่ ม.4 ด้วยความขยันหมั่นเพียรในการฝึกซ้อม และความสามารถเฉพาะตัวที่หาได้ยาก ชายหนุ่มสามารถคว้าธงชาติมาติดที่หน้าอกได้ ในรายการยุวชนทีมชาติ "เอเชี่ยนยูธ" ที่ประเทศสิงคโปร์



"ตอนเด็กก็ได้เเชมป์มาตลอดครับ พวกรายการประจำโรงเรียน หรือจังหวัด กีฬาเยาวชนแห่งชาติ เเละกีฬาแห่งชาติ พออายุ 16 ปี ผมได้เเชมป์รายการกรีฑาดาวรุ่งมุ่งยูธโอลิมปิกเกมส์ รายการนี้กำหนดอายุห้ามเกิน 18 ปี เเต่เราได้ตอน 16 ปี

"ผมเเละครอบครัวดีใจมาก เเละทำให้ผมก้าวไปติดทีมชาติไทยครั้งเเรกเลย ในรายการเอเชี่ยนยูธ จากนั้นอีก 1 ปีก็ติดทีมชาติชุดใหญ่ ลงเเข่งขัน รายการเอเชี่ยนเกมส์ เมืองกวางโจว ประเทศจีน" เจ้าตัวเล่าไปยิ้มไป

ในวงการกรีฑาชั่วโมงนี้ "มิ้ว-จิระพงศ์ มีนาพระ" ก็น่าจะฮอตระดับเดียวกับ "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" ในวงการบันเทิง

เเละจากนี้ไปเขาจะกลายเป็นทั้งความหวังเเละฮีโร่ของใครหลายคน

เพื่อให้การพูดคุยได้อารมณ์ที่สุด ลู่วิ่งสีเเดงเลือดหมู ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนามซ้อมของเขา น่าจะเป็นทำเลซึ่งเหมาะสมที่สุด

"แต่ไม่ใช่วิ่งไป คุยกันไปแน่นอน"

- จุดเริ่มต้นเเละเเรงบันดาลใจ?

จำได้ว่าตอนเป็นเด็กอนุบาลผมชอบวิ่งเล่น เเละเวลาไปเเข่งที่ไหนก็ชนะเพื่อนตลอด พอถึง ป.5 เทอม 2 อายุประมาณ 11 ขวบ ก็เริ่มเเข่งขันวิ่งอย่างจริงจัง ตามรายการประจำโรงเรียน เเละรายการประจำจังหวัด เเต่เเรงบันดาลใจมันเริ่มจากการได้ เห็นพี่โจ๊ก-สิทธิชัย สุวรประทีป ในทีวี รายการเอเชี่ยนเกมส์ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ตอนนั้นถามเเม่ว่าเขาคือใคร เเม่ก็ไม่รู้

ผมก็อยากรู้ว่าคือใคร อยากรู้จัก อยากเป็นเเบบเขา ก็คิดว่าถ้าจะเจอพี่เขาได้ ต้องเจอที่รายการชิงเเชมป์ประเทศไทย จากนั้นก็ตั้งใจซ้อมเลย จนประมาณ ม.2 ได้เข้าเเข่งขัน และความตั้งใจไว้ก็สำเร็จได้เจอพี่โจ๊กตัวจริงๆ ได้ถ่ายรูปกับพี่เขา พี่เขาพูดเเซวเราด้วยว่า พยายามตั้งใจซ้อมนะ (ยิ้ม) จากนั้นอีก 4 ปีต่อมา ผมอายุได้ 17 ปี อยู่ ม.5 ก็ติดทีมชาติชุดใหญ่ จำได้ว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะกลัวจะเข้ากับรุ่นพี่ไม่ได้ เราเป็นเด็กอายุห่างกันกับพวกเขามาก กลัวทำอะไรไม่ถูกใจพี่ๆ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เลย พวกพี่ให้การต้อนรับดูเเลเราดีมากครับ

ที่เหมือนฝันเลยก็คือว่า ผมได้วิ่งร่วมทีมกับไอดอลตัวเองอย่างพี่โจ๊ก ในเอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน รายการ 4 คูณ 100 ผมวิ่งไม้ 3 พี่โจ๊กวิ่งไม้ 4 ดีใจมากครับ

- เกี่ยวกับผลงานตัวเองที่พม่า?

ก่อนไปเราทุกคนรู้ว่า 100 เมตร เราเสียแชมป์ให้กับอินโดนีเซียมาตลอด 8 ปีเเล้ว ก็คิดว่าจะเต็มที่เพื่อเอาเหรียญให้คนไทย ก็เลยตั้งใจไว้อย่างมาก ส่วนผลที่ออกมา ผมพอใจกับการคว้าเหรียญทองได้ถึง 3 เหรียญ เเม้เวลาที่ทำได้ในรายการ วิ่ง 100 เมตร จะไม่ค่อยน่าพอใจนัก คือเราเคยทำได้ดีกว่านี้ก่อนไปซีเกมส์ ในรายการมาเลเซียโอเพ่น วิ่งได้ 10.35 วินาที เเต่ที่พม่าด้วยสภาพอากาศเเห้งๆ ทำให้รู้สึกลำบากเหมือนกัน

รายการ 100 เมตร มั่นใจมากที่สุด ส่วนรายการ 4 คูณ 100 เมตร ก็เป็นอีกรายการที่มั่นใจ มั่นใจในเพื่อนร่วมทีมทุกคน ส่วนที่ไม่มั่นใจ คือรายการ 200 เมตร เพราะไม่นึกเลยว่าตัวเองจะวิ่งได้ ก่อนลงเเข่งคิดว่าถ้าไม่ได้รายการนี้ก็ไม่เป็นอะไร ไม่เสียใจ เเต่พอได้ ก็รู้สึกประหลาดใจเเละอดดีใจไม่ได้เหมือนกันครับ

- วันนี้มีไอดอลเป็นโค้ช?

ก็ทำให้เรามีเเรงบันดาลใจในการซ้อมเเละลงเเข่ง ผมกับพี่โจ๊กจะเปิดใจคุยกันตลอด เขาจะเเนะนำให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเเค่เรื่องวิ่ง เเต่รวมถึงเรื่องปัญหาชีวิต เเละเรื่องอื่นๆ ด้วย เราไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ความสนิทสนมช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เเละรู้สึกดีเวลาซ้อม ที่สำคัญพี่โจ๊กเเกเก่งเรื่องจิตวิทยาด้วย เเกบอกกระตุ้นผมเสมอว่า ไม่ต้องคิดมาก เเข่งให้เหมือนซ้อมเเละคิดว่าซ้อมให้เหมือนแข่ง อย่ากดดันตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำได้ไม่ดี

การอธิบายของเขาทำให้ผมนึกภาพออกว่า ช่วงเวลาการเเข่งขันผมควรทำอย่างไรเเละนั่นทำให้ผมนิ่งขึ้นเวลาเเข่ง

ส่วนโค้ชคนแรก คืออาจารย์จรัล สารเทพ เป็นโค้ชตอนโรงเรียนประถม ส่วนมัธยมคือ อาจารย์ธีโรจณ์ ชัยงาม เเละอาจารย์นิรมล ชัยงาม ต้องขอบคุณทั้ง 3 ท่านเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมีวันนี้

- เตรียมตัวก่อนลงแข่ง เรียกสมาธิตัวเองอย่างไร?

ฟังเพลง เเสงสุดท้าย ของ บอดี้เเสลม เพลงนี้เจ๋ง ที่ซีเกมส์ก่อนเเข่งผมฟังเพลงนี้ทุกรอบ เเละจะทำสมาธิ นึกถึงว่าตอนเเข่งต้องวิ่งเเบบนี้ๆ นะ ตอนวอร์มจะมองเกมตลอด เเละคิดในเเง่บวกว่า ยังไงๆ เราต้องชนะ เพราะหากคิดว่าเราสูสีกับคนอื่น จะทำให้เราป๊อด อีกเรื่องคือผมจะจินตนาการว่า คนไทยนั่งรอบอัฒจรรย์ เเม้ที่จริงคนไม่เยอะเท่าไหร่ (หัวเราะ)

- วินาทีก่อนเข้าเส้นชัย?
ทำเต็มที่ ก่อนเข้าเส้นชัย ก็ใส่เต็มที่มาเรื่อยๆ ก่อนเข้าก็จะคิดถึงกองเชียร์คนไทย คิดถึงความสำเร็จ

เข้าเส้นชัยแล้วก็จะเกิดความสะใจว่าเราทำได้ พร้อมๆ กับเสียงเฮ จากพวกพี่ๆ นักข่าว เเละกองเชียร์ที่วูบเข้ามา ผมร้องไห้ตอนได้ 100 เมตร มันตื้นตัน...เฮ้ย! ทำได้เเล้ว อยากบอกเเม่เลยว่า ทำได้เเล้ว ส่วน 4 คูณ 100 เมตร ผมขนลุกมากตอนขึ้นไปร้องเพลงชาติ เเละ 200 เมตรก็ดีใจสุดสุด มีนักข่าวบอกว่า ผมทำประวัติศาสตร์ ผมก็งง เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้เหมือนกัน คืออะไร จนมารู้ทีหลังว่า เป็นคนที่ 5 ที่ได้ 3 เหรียญทองพร้อมกัน

ต่อความสำเร็จนี้ บางทีอาจทำให้คนเหลิง แต่สำหรับผมยืนยันว่าไม่ เพราะเรามาจากเด็กบ้านนอก ก็ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย วันนี้ดีใจมากเวลาที่มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป เเต่ผมก็ทำตัวเหมือนเดิม เเต่งตัวทำอะไรปกติครับ เซอร์ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ของเเพงขึ้นหรือเเบรนด์เนม ส่วนมากผมก็ใส่ชุดกีฬา จัดการตัวเองให้เป็นตัวเองที่สุด

- ต่อฉายา"ยูเซน มิ้ว"หรือ"ยูเซน โบลต์"เมืองไทย?

(หัวเราะ) จริงๆ มีคนเริ่มเรียกตั้งเเต่สมัยผมเรียนที่ จุฬาฯ ก็ดีใจนะครับ เพราะโบลต์ เป็นนักกีฬาที่ชอบอยู่เเล้ว ผมชอบท่าวิ่งเขาเเละก็เอามาเลียนเเบบ มาปรับใช้ คนเรียกผมเเบบนี้ก็ไม่เขินนะ เพราะผมเป็นคนเฟรนลี่อยู่เเล้ว ส่วนท่าประจำตัวของตัวเองยังไม่มี ก็เลยทำท่าโบลต์ ก็มีที่ทำประจำคือก่อนวิ่งหรือหลังวิ่งเสร็จผมจะเต้นตลอดนะ (หัวเราะ)

- วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง?

ตอนซ้อมมีท้ออยู่เเล้ว เเต่มีเเม่คอยให้กำลังใจตลอด อย่างซีเกมส์ เเม่พูดเสมอว่า ซีเกมส์เอาหน่อยนะ ขยันหน่อย ลองสักตั้ง สุดท้ายก็ทำสำเร็จได้เพราะคิดถึงคำของแม่ อย่างตอนนี้หลังจากได้เเชมป์มีคนมาทักเรา มาให้กำลังใจเราทางเฟซบุ๊กเยอะมาก ก็ถือเป็นกำลังใจที่ดีมาก ซึ่งผมอาจจะไม่ได้ตอบกลับข้อความทั้งหมด เพราะมันเยอะมากครับ

- เกี่ยวกับการวิ่งมีอะไรที่ต้องปรับปรุง?

มีเรื่องประสบการณ์เเละเทคนิค คือ

1.ประสบการณ์ ต้องหาประสบการณ์มากกว่านี้ อยากไปเเข่งที่ยุโรปมากกว่านี้ เพราะเมื่อไปเจอคนยุโรปเเล้วกลับมาเจอเอเชียด้วยกัน จะง่ายขึ้น ได้เทคนิค ได้ความนิ่งเพิ่มขึ้น

2.ต้องพยายามหาเทคนิคพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้พยายามดูคลิปวิดีโอการซ้อมของยูเซนท์ โบลต์ ตลอดว่า จังหวะการยกเเขนขา จังหวะก้าว ช่วงปลายต้องผ่อนเพื่อมีเเรงไว้ในรอบชิง หรือการออกตัวให้เเรงก่อนเเล้วค่อยดึงปลาย ผมพยายามศึกษาหมด เเต่ละคลิปดู 40-50 รอบได้ ดูเเล้วก็มาทำตาม จุดเล็กจุดน้อยเก็บหมด เพราะเอามาปรับใช้กับเราได้ ถึงเเม้ไม่ได้ทั้งหมด ใกล้เคียงก็ยังดี

- วิธีการดูเเลร่างกาย?

อาหาร สำคัญเลยครับ เช้า เที่ยง เย็น เเละอาหารเสริมที่ทางสมาคมจัดมาให้ นอกจากนี้ ที่สำคัญคือการพักผ่อน อย่านอนดึก ต้องพยายามมีระเบียบวินัยด้วย อย่างช่วงเวลาซ้อมก็จะดูเเลตัวเองพิเศษหน่อย เเต่ทางสมาคมก็มีวิทยาศาสตร์การกีฬาดูเเลให้ จะให้คุมน้ำหนักตลอด อย่างก่อนเเข่ง เขาก็บอกให้เรากินคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ พยายามห้ามกินเนื้อไก่ เนื้อหมู จะให้กินปลามากๆ

- นอกจากวิ่งเเล้ว ชอบกิจกรรมอะไรอื่นบ้าง?

ผมเป็นคนชอบอยู่กับเพื่อนครับ เเต่ก็มีเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่ชอบเที่ยวกับเพื่อนๆ เยอะๆ ชอบไปเพื่อนสนิทๆ เท่านั้น ส่วนกิจกรรมก็ชอบเล่นเเบตมินตัน เเละก็ชอบดูรถเเข่งครับ ส่วนวันว่างๆ ชอบไปเที่ยวทะเล น้่ำตก ชอบเลี้ยงหมาด้วย ชอบหมาเพราะเป็นสัตว์ที่น่ารัก เมื่อก่อนเคยเลี้ยงชิสุ ตอนนี้กำลังมองๆ หาตัวใหม่อยู่

- วันนี้อาจมีสาวๆ เข้ามาหาเยอะ สเปกของคุณเป็นอย่างไร?

เอ่อ...ก่อนเเข่งซีเกมส์ 2 เดือน...นี่ไม่ได้โม้นะครับ มีผู้หญิงเข้ามาเยอะมาก เเต่ผมคิดในใจว่า... บวชเว้ย.. บวช... บวช... ไม่ได้ๆ ห้ามยุ่ง ต้องมีสมาธิ เเต่ตอนนี้สบายๆ เเล้ว ก็มีคุยๆ อยู่ครับ ผมไม่ได้เจ้าชู้นะ คบใครคบทีละคน ไม่มีคบพร้อมกันเเน่นอน

ส่วนสเปกของผมคือ ชอบสาวเซ็กซี่ สูงๆ หุ่นดีๆ เเต่ไม่ใช่เซ็กซี่จากการเเต่งตัวโชว์มากๆ นะ ขอเเบบเซ็กซี่ด้วยบุคลิก ด้วยท่าทาง เซ็กซี่จากภายในออกมา เเต่ผมไม่ชอบผู้หญิงเเต่งหน้าจัด ขอเเบบไม่ต้องเยอะ

เวลาอยู่กับแฟนผมจะตลก ทะเล้น เป็นคนไม่กลัวผู้หญิง คือเป็นช้างเท้าหน้าครับ (หัวเราะ)


- เป้าหมายต่อไป?

พอผ่านซีเกมส์มาเเล้ว ผมก็มองข้างไปหน้าต่อ มองไปถึงเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งหน้าที่ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ มองว่าต้องทำได้ดีกว่านี้ จะมีเเป้นยืน จะเอาเหรียญให้ได้ในรายการ 100 เมตร ซึ่งมีคู่เเข่งสำคัญอย่างจีนเเละญี่ปุ่น ที่ผ่านมาผมตกรอบรองตลอด เเต่ครั้งต่อไปมั่นใจว่าเข้ารอบชิงเเน่นอน สำหรับผม คิดว่าถ้าเป็นเกมเเรงๆ รายการใหญ่ๆ ผมจะทำเวลาได้ดี

ส่วนเป้าหมายสูงสุดของผมเลยคือ ผ่าน ควอลิฟาย โอลิมปิค 100 เมตร ซึ่งต้องทำเวลาให้ได้ 10.26 วินาที

"ผมมั่นใจ เชื่อว่าทำได้"



หน้า 13 มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2557 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค