ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เพชรในตม "ว่าที่ ดร." แห่งคลองเตย ใช้ "ใจใฝ่ดี" จนมีวันนี้
















"หลายคนพูดว่า มีแค่ 1% ของคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้นที่เกิด

จากพรสวรรค์ แต่อีก 99% เกิดจากความขยัน"

ด้วยยึดประโยคนี้เป็นคติประจำใจทำให้ "นางสาวพรทิพย์ ปานอินทร์" หรือ "เล็ก" 


เปลี่ยนชีวิตจากเด็กธรรมดาในชุมชนแออัดคลองเตย ที่หลายคนมองว่าเป็นแหล่ง

ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม มาเป็นว่าที่ "ดร.คนใหม่" จากคณะวิทยาศาสตร์ 

หลักสูตรเทคโนโลยีชีวภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลายเป็นแรงบันดาลใจ

ให้กับเด็กนักเรียนในชุมชนแออัดคลองเตย

ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...

พรทิพย์เล่าว่า ทั้งหมดเกิดจาก "การศึกษา" เรื่องสำคัญที่แม่ของเธอปลูกฝังให้


ตั้งแต่เด็ก ว่าจะทำให้เด็กที่ยากจนอย่างเธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ จึงทำให้เธอ

ตั้งใจเรียน ด้วยคิดเสมอว่าแม้ว่าจะไม่มีใครในชุมชนเห็นความสำคัญ แต่ครอบครัว

เธอมองว่าสำคัญ และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างที่เธอคิด 

"คนภายนอกอาจมองคลองเตยเป็นแหล่งเสื่อมโทรม มียาเสพติด เป็นสถานที่ที่คน


ไม่ดีมารวมตัวกัน แต่ในความคิดไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แค่คิดว่าเล็กอาจไม่ได้มีชีวิต

หรูหราเช่นคนอื่น แต่ชีวิตก็ปกติ เล็กเชื่อเสมอว่า ถ้าชุมชนมีคนไม่ดีอยู่มาก 

ชุมชนก็คงอยู่ไม่ได้ เล็กก็คงอยู่ในชุมชนนี้ไม่ได้ อาจมีบ้างที่มีปัญหายาเสพติด

 แต่เล็กคิดว่ามันเป็นเพราะพวกเขาได้รับโอกาสทางการศึกษาน้อย 

จึงอาจถูกชักจูงได้ง่าย" 


เมื่อเห็นทั้งตัวอย่างไม่ดี และตัวอย่างที่ดี เธอก็เลือกทางเดินที่ถูกต้องของตัวเอง

จากทางที่เธอเลือกเดิน มันก็แสดงให้เห็นว่า "เธอเลือกไม่ผิด" เพราะหลังจากที่


ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรี คณะสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคะแนน "เกียรตินิยมเหรียญทอง" 

ทำให้เธอได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโท-เอก จากโครงการปริญญาเอก

กาญจนาภิเษก สกว. 

"ตอนเรียนปริญญาตรี เล็กคิดว่าไม่ได้เป็นคนเก่งมาก จึงกลัวจะโดนรีไทร์ 


เลยขยันมากเป็นพิเศษ ผลเลยทำให้ประสบความสำเร็จในการเรียน จึงเป็นโอกาส

ให้ได้รับทุน ซึ่งหากไม่ได้รับทุนนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ คนอย่างเล็กแค่

ค่าเทอมก็ลำบากแล้ว ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก จากที่เคยคิดว่าเมื่อเรียนจบจะ

ทำงานหาเงินดูแลครอบครัว เล็กจึงเลือกจะเรียนต่อเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น"














แต่ใช่ว่าเรียนต่อโทแล้ว เธอจะแค่เรียนอย่างเดียวเท่านั้น

"พ่อแม่เราแก่มากแล้ว เล็กน่าจะช่วยเหลืออะไรทางบ้านได้บ้างไม่ใช่แค่เรียนโท

อย่างเดียว จึงนำความรู้ที่มีจากการเป็นนักเทคนิคการแพทย์ไปทำงานพิเศษในคลินิก

แม้จะได้เงินเดือนไม่มากแต่ก็ช่วยดูแลครอบครัวได้ ที่สำคัญคือมันทำให้เล็กไม่ลืม

ความรู้ที่ตั้งใจเรียนมาตลอด 4 ปีด้วย"

แม้กระทั่งได้ไปฝึกงานที่ "มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์" ในประเทศสหรัฐอเมริกา

แหล่งแสงสีที่หลายคนใฝ่ฝัน เธอก็ไม่ได้ทิ้งจิตใจที่ใฝ่ดีของเธอ

"มีบ้างที่ได้ไปเที่ยวในที่ที่ไม่คิดว่าจะได้มา ก็ตื่นเต้นบ้าง แต่ก็แค่ช่วงแรก อยากโฟกัส

เรื่องวิธีการทำงานวิจัยมากกว่า เพราะคิดเสมอว่าควรจะได้อะไรมาพัฒนาประเทศ

และอยากนำมาใช้กับการเรียนที่ไทยมากที่สุด"


ถึงจะใกล้ ใช้คำนำหน้าชื่อว่า ดร. แล้ว แต่พรทิพย์ก็ไม่ได้ยึดติดกับมัน

"มันก็เหมือนแค่คำนำหน้าชื่อ เล็กไม่ได้สนใจมาก จากนี้จะตอบแทนพระคุณพ่อแม่

ให้ได้อย่างตั้งใจ รวมถึงพัฒนาวิทยานิพนธ์เรื่องระบบนำส่งสารเคมี สารสกัดธรรม

ชาติและยา ด้วยระบบนาโนต่อไป เพราะหากสำเร็จเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จะช่วย

เหลือชาวบ้านได้มากขึ้น และอยากกลับไปสอนหนังสือเด็กๆ ในชุมชน สร้างโอกาส

ให้พวกเขาเมื่อไรก็ตามที่มีเวลาว่าง"


นี่อาจเป็นบทพิสูจน์ความเป็น "เพชรในตม" ของสาวรักเรียน

"ที่ภูมิใจคือเหมือนเล็กได้มีส่วนเป็นแบบอย่างให้กับเด็กในชุมชนคลองเตยได้

หลายคนก็เข้ามาบอกว่า เล็กเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา ให้เขาอยากเรียนสูงๆ

เหมือนเล็ก และมีอนาคตที่ดี

"แต่เล็กเองก็ไม่ใช่เพียงคนเดียวในชุมชนแออัดคลองเตยที่ได้ดี ยังมีอีกหลายคน

ที่เรียนเก่ง ได้ทุนจากต่างประเทศ หรือทำงานดีๆ ในสังคม เพราะเขามีความ

ตั้งใจเช่นกัน ไม่อยากให้คนภายนอกมองว่าคลองเตยไม่ดี ยังมีคนในชุมชน

อีกมากที่มีชีวิตที่น่าสนใจ เล็กเป็นแค่คนหนึ่งที่มีโอกาสสะท้อนแง่มุมนี้ออกมา

ให้คนภายนอกรับรู้เท่านั้นเอง"

เพราะคิดดี...จึงทำให้มีวันนี้

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 14:18:00 น. 
หน้า 25,มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2556




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก

***ยาอมตะ..ไข่ดองน้ำส้มสายชูหม ัก*** ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมักเป็นตำ รายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ ๋นซีฮ่องเต้ ได้สืบทอดต่อมาจนถึงบัดนี้ได้เผ ยแพร่ไปทั่วแถบเอเชีย  และในหมู่ชาวจีน  ในประเทศอเมริกา ผู้นำตำรามาเผยแ พร่คน แรกได้นำยามาทานเอง และแนะนำให้เพื่อน ฝูงทานด้วยได้ ผลดีเหมือนปาฏิหารย์สามารถรักษา โรคได้หลายโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคของผู้สูงอายุ ผู้เผยแพร่ทานยาไปแล้วกว่า 100 ฟองได้ผลดีเหมือนอย่างหนังกำลัง ภายใน สังเกตจากการเดินขึ้นบันไดจะไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะหัวใจจะแข็งแรง มากเป็นพิเศ ษ สรรพคุณ : รักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โรคหัวใจ) เลือดข้นและเหนียวเบาหวาน ความดันโลหิต สูง  ความดัน โลหิตต่ำ ลดไขมันในเลือด (ทั้งคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไ รด์) ไทรอยด์อัมพฤกษ์หรืออัมพาต อันเนื่องจาก เส้นเลือดในสมองตีบ ละลายหินปูน อาการเมื่อยชาตึงปวดและบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะอย่ างยิ่งบริเวณด้านหน้า และด้านหลั ง ปวดเข่าปวดหลังขาไม่มีเรื่ยวแรง (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหินปูนที่ง อก พอกกระดูกสันหลังเบียดหรือทับ เส้นประสาท)

Detox ราคาประหยัดด้วยกระเจี๊ยบเขียว

หลังจากงานเฉลิมฉลอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนคงกินเลี้ยงสังสรรค์กัน อาจจะเผลอตามใจปาก อาจลืมดูแล สุขภาพ ตัวเอง ว่าในรอบปีที่ผ่านมาร่างกายเราทำงานหนักโดยเฉพาะสุขภาพภายในที่ต้องแบกภาระหนักกับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปอย่างไม่ระวัง เช่น กินปลาดิบ เสต็ก ผักดิบ ของหมักดอง  อาหารเหล่านี้อาจจะมีพยาธิแฝงตัวอยู่ อย่างน้อยร่างกายเราควร detox การถ่ายพยาธิปีละครั้งก็เป็นเรื่องดี เนื่องจากเจ้าพยาธิจะทำให้เลือดลมเดินไม่ดี และเมื่อมีการวางใข่ก็จะทำให้เลือดสกปรก ส่งผลทำให้เป็น ไฝ ฝ้า ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส กระเจี๊ยบเขียว  เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกงกะหรี่ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น สรรพคุณทางยา กระเจี๊ยบเขียว  เป็นพืชที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดสดทั่ว รวมทั้งในศูนย์การค้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin)

สูตรสำเร็จ 90 วัน ผู้นำคนใหม่

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:54:11 น. มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระว่า เมื่อวันก่อนไปเจอหนังสือเล่มนึง น่าสนใจครับ ผมอ่านแล้วมีประโยชน์ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้ตุลาคม ที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงคนทั่วไปที่ต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งครับ หนังสือชื่อ "The First 90 Days" เขียนโดย Michael D.Watkins ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพัฒนาผู้นำ การเปลี่ยนตำแหน่ง การเริ่มงานใหม่ Watkins เขากล่าวว่าจากผลการสำรวจผู้บริหารมากกว่า 1,300 คน 90% เห็นว่าช่วงการเริ่มงานในตำแหน่งใหม่เป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดของการเป็นผู้นำ และ 75% เห็นว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วง 2-3 เดือนแรก จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญถึงความสำเร็จในอนาคต เขาจึงเขียนหนังสือเพื่อแนะนำกลยุทธ์ในการทำงาน 90 วันแรกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาแนะนำกับดักที่ทำให้ผู้บริหารหลายคนล้มเหลวกับการเริ่มงานใหม่ ไว้ 7 ข้อครับ 1. ยึดติดกับความรู้ วิธีการปฏิบัติเดิมๆ ที่เคยทำสำเร็จในองค